วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

Annecy เวนิสแห่งเทือกเขาแอลป์ ตอนที่ 2

หลังจากคืนแรกที่ Annecy ได้ผ่านพ้นไป ซึ่งเป้นค่ำคืนแห่งความหนาวเย็น อุณหภูมิขณะนั้นไม่ต่ำกว่า - 14 องศาเซลเซียล (แม่เจ้าหนาวมาก) กว่าที่ชะนีแคระน้อยจะข่มตาหลับลงได้ก็เกือบเช้าของวันรุ่งขึ้น อาจจะเพราะด้วยความแปลกที่แปลกทาง และความหนาวเย็นเนี่ยที่ทำให้ข้าเจ้าหลับไม่ลง ถึงแม้จะนอนน้อย แต่มันก็ไม่เป้นอุปสรรคต่อการผจญภัย และท่องเที่ยวของข้าเจ้าแม้แต่น้อย  หลังจากทานอาหารเช้าแบบง่ายๆ ที่เวจินีเตรียมให้อันได้แก่ ช็อกโกแลตร้อน ขนมปัง ครัวซอง พวกเราก็เตรียมออกเดินทางกัน โดยโปรแกรมของวันนี้เราจะต้องเดินขึ้นเขาท่ามกลางหิมะ เพื่อไปดูจุดชมวิวบนภูเขาที่สามารถมองเห็นทะเลสาบอันซี และจุดที่สองเราจะขึ้นเขาไปดุจุุดชมวิวที่สามารถมองเห็นยอดเขามองค์บลัง (Mont blanc)ยอดเขาที่สุูงที่สุดในฝรั่งเศสกัน และจุดที่สองนี้เราจะไปทำการเดินเล่นบนหิมะ และดูเค้าเล่นสกีกัน เอาละคะถ้าพี่น้องผองเพื่อนพร้อมแววเราจะออกเดินทางไปกับคณะทัวร์ไอย่า ติงนังตังนิงกันเยยคะ

***********************************************************************************************
ในวันนี้เราได้รับการอนุเคราะห์จากมาโคร ในการเป็นสารถีขับรถให้ แกช่างเป้นคนหล่อและมีน้ำใจเสียจริง ในขณะก่อนจะออกเดินทางหลังจากข้าเจ้าเหลือบไปเห็นขวดน้ำเปล่าที่ลืมทิ้งไว้ในรถเมื่อเย็นวาน โอ้แม่เจ้าขวดน้ำนั้นได้กลายเป้นน้ำแข็งเรียบร้อยแววครับ มันช่างหนาวจริงๆ ไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าพวกโฮมเลตที่ต้องนอนข้างถนน เค้าจะนอนได้อย่างไร คงไม่ต้องแข็งตายเหรอนี่ 

ในการขับรถขึ้นภูเขาที่นี่นั้นต้องอาศัยคนท้องถิ่นที่ชำนาญในการขับรถ เนื่องจากท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายไม่ขาดสายทำให้ค่อนข้างเป้นอุปสรรคในการขับรถไม่น้อย เพราะถนนค่อนข้างลื่นประกอบกับภูมิประเทศที่ค่อนข้างเป้นภูเขาสูงชัน ระหว่างที่พี่มาโครขับไปก็เล่าไปถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งไม่ว่าจะเป้นรถตกเขาบ้าง รถชนกันบ้างอะไรประมาณนี้(คิดในใจเมิงจะเล่าให้ตรูกลัวทำไมวะ 555) หลังจากขับรถขึ้นภูไปเรื่อยๆด้วยเส้นทางที่วกวน มันทำให้ข้าเจ้ารู้สึกเวียนหัวเป้นอย่างยิ่งในใจก็คิดแต่ว่าโฮรุ้งี้ตรูเอายาดมโป๊ยเซียนมาจากเมืองไทยก็ดี อยากกินมะดันดองบ้าง อะไรบ้าง เมื่อไหร่จะถึงซะที แต่ในระหว่างทางก็เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยจริงๆ สวยงามราวกับภาพวาดยังไงยังงั้นเลยท่านผู้อ่าน เอาวะอดทนอยากจะเห็นของสวยงามก็เยยต้องกลืนน้ำลายไปหลายอึกอดทนต่อไป ในระหว่างนั้นข้าเจ้าก็เหลือบมองหน้าปัดรถยนต์บอกอุณหภูมิขณะนี้ - 14 องศา ขับขึ้นไปเรื่อยๆ อุณหูมิก็ยิ่งลดลง กว่าจะถึงยอดเขาที่เป้นจุดพักชมวิวก็ปาเข้าไป - 18 องศาพอดี  เอาหละในที่สุดเราถึงจุดชมวิวที่หนึ่งกันแววคะ พอเปิดประตูรถเท่านั้นเวจินี มาโคร ต้องตกใจปนขบขัน เมื่อเห้นชะนีแคระ ลงไปทำท่าทางกระโดดโลดเต้น ลงไปในดำผุดดำว่ายในกองหิมะ  แหมก็เกิดมาเพิ่งจะเห้นหิมะนี่คะ ในชีวิตนอกจากที่ดรีมเวิลด์แววก็ นี่ละครั้งแรกที่ได้มีโอกาสได้สัมผัสปุยหิมะ บ้านนอกเนอะ 555 มีความลับที่ไม่ได้บอกมาโครและเวจินี่ว่าในใจ อยากจะเอาน้ำหวานเฮลบลูบอลมาด้วย มาราดบนหิมะแววกินดูว่ามันเหมือนน้ำแข็งใสบ้านเราไหม โฮ โคตรลาวได้อีก 555
ที่นี่เป้นแค่จุดจอดรถเท่านั้น คณะพลพรรคต้องเดินขึ้นเขาไปอีกสัก 1 -2 กิโลเมตรเผื่อจะขึ้นไปดูจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นด้านบนของทะเลสาป เอาวะไหนก็หลวมตัวขึ้นมาแววเต็มที่สุดๆไปเลยพี่ 


จุดชมวิวบนยอดเขาที่สามารถมองเห้นทะเลสาบอันซี





ชะนีแคระทำผุดดำว่ายในกองหิมะ



 หลังจากที่ได้เห้นจุดชมวิวด้านบนทะเลสาปแววก็ทำให้ข้าเจ้ารุ้สึกหายเหนื่อยเป้นปลิดทิ้งเยย สวยจริงๆคุ้มค่ากับการลงทุนเดินเกือบชม. หลังหยุดพักถ่ายรูป และพักพอให้หายเหนื่อยแวว เราก็เตรียมตัวเดินทางกลับไปดูจุดชมวิวที่ 2 กันต่อเยยครับ ในใจคิดเอาอีกแววเหรอฉันต้องวิงเวียนอีกแววเหรอนี่ ซึงจุดที่สองนั้นจะเป้นจุดยอดเขาอีกลูกหนึ่งที่สูงกว่าจุดชมวิวด้านบนทะเลสาป แต่ก็อยู่ไม่ไกลจากจุดชุมวิวจุดแรกมากนั้น คือขับรถไปอีกประมาณสักชม. ได้เราก็มาถึงจุดชมวิวยอดเขามองบลังค์กันแววจ้าพี่น้อง ที่นี่อยากบอกว่าสวยโคตร เหมือนกับอีกโลกหนึ่งเยย นึกว่าอิฉันมาอยุ่ในดินแดนไซบีเรียก็ไม่ปาน เมื่อมาถึงที่นี่กิจกรรมยอดฮิตของชาวฝรั่งเศสก็คือ เดินเขาผจญภัย กะเล่นสกี เนื่องจากวันนี้เราตั้งใจมาเดินเขามากกว่าเล่นสกี จึงไม่ได้เตรียมอุปกรณ์มา ประกอบกับวันนี้เรามีเวลาน้อยเนื่องจากเสียเวลาไปกับจุดชมวิวด้านบนทะเลสาปแววจึง เอาเป้นว่าวันนี้เรามาเก็บภาพความประทับใจกับครั้งหนึ่งในชีวิตกันดีกว่าคะท่านผู้อ่าน













หลังจากเดินเขาท่ามกลางหิมะเพลิดเพลินไปกัภูมิประเทศอันสวยงาม เผลอแพลบเดียวเหลือบมองดูนาฬิกาบอกเวลา ทุ่มกว่าแววนี่  เราใช้เวลาไปตั้งเกือบ 3 ชม.อย่างว่าถ้าเรามีความสุขกับสิ่งใด เวลามักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ สัจธรรมแห่งชีวิต และตอนนี้อากาศก็เริ่มเย็นแวว อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า - 21 องศา เราจึงต้องจำใจเดินทางกลับสุ่ที่พัก  ปิดท้ายก่อนกลับสู่ที่พักเวจินี่และมาโครได้เชิญพลพรรคไปทานดินเนอร์อาหารแบบฉบับชาวฝรั่งเศสขนานแท้กัน โดยเฉพาะยามหน้าหนาวอย่างนี้เมนูที่เป็นยอดนิยมและ ห้ามพลาดเด็ดขาดกับเมนู ฟองดูชีสกัน  ใครมาต้องลองชิมกัน ซึ่งเมนูฟองดูชีสนี่ก็ เค้าจะเอาชีสผสมกับไวน์ขาว บางที่ก็จะผสมกับกระเทียมหรือหอมแดงแล้วแต่ท่านชอบ ถ้าชอบกลิ่นแรงๆกะชีสผสมกับกระเทียมนี่หละ มักจะกินคุ่กับขนมปังแบรกเกต ซึ่งในยามอากาศหนาวอย่างนี้สิ่งเหล่านี้จะทำให้ร่างกายเราอุ่นขึ้น และแน่นอนว่าอ้วนขึ้นไปอีกหลายกิโลที่เดียว





หลังจากอิ่มหน่ำสำราญกันแวว ตาของข้าเจ้าก็เริ่มตาปรือได้ที่ซึ่งอาจจะเป้นเพราะความเหนื่อยอ่อนต่อกิจกรรมที่ต้องเดินเขาทั้งวัน คืนนี้ข้าเจ้าคงต้องนอนหลับอย่างเอาเป็นเอาตายอย่างแน่นอน ก่อนจากกันในวันนี้ต้องขอขอบคุณคุ่รักเวจินีกะมาโครที่ทำให้สโลแกนด์ของชะนีแคระ อิ่มจังตังอยู่ครบได้เป็นจริงอีกครั้งหนึ่ง 555  และขอขอบคุณแฟนคลับทุกท่านที่อุตส่าห์ติดตามผลงานของข้าเจ้า สำหรับวันนี้ชะนีแคระลาไปก่อนค้า ติดตามผลงานในตอนต่อไปที่ชื่อตอนว่า เล่นสกีครั้งแรกกับชะนีแคระที่ ลาคูชา( LA Cluza ) ค้า