วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2557

พาเที่ยวกรุงปราก (Prague) ประเทศสาธารณรัฐเช็ก ช่วงฤดูใบไม้ร่วง

สวัสดีคะท่านผู้อ่านทุกท่านวันนี้ชะนีแคระจะพาทุกท่านเดินทางไปเที่ยวกรุงปราก ประเทศสาธารณรัฐเช็กในช่วงฤดูใบไม้ร่วงกันนะคะ ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่กรุงปรากเต็มไปด้วยเสนห์ สีสัน และบรรยากาศสุดโรแมนติกรับรองว่าทุกท่านต้องหลงรักแน่นอน ก่อนอื่นขอเล่าที่มาของการเดินทางในครั้งนี้คือเกิดจากชะนีแคระมีวันหยุดในช่วงเดือนพฤศจิกายน 3-4 วัน ประกอบกับอยากไปเที่ยวเป็นทุนเดิมอยุ่แล้ว ด้วยความอยากจึงทำการค้นหาข้อมูลดูว่ามีที่ใดน่าสนใจบ้าง  ก็เข้าไปหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตก็ไปเห็นรูปสะพานชาร์ลแววรู้สึกประทับใจในความสวย อีกทั้งกรุงปรากก็เป็นเมืองในฝันของใครหลายๆคนรวมทั้งชะนีแคระด้วย ดังนั้นหวยก็มาออกที่นี่หละคะ  หากทุกท่านพร้อมแล้วเตรียมตัวบินลัดฟ้าไปเที่ยวกรุงปรากในช่วง Automne กับชะนีแคระหัวใจอินเตอร์กันเลยนะคะ






กรุงปราก(Prague) หรือชาวท้องถิ่นออกเสียงเรียก ปราฮา( Praha) เป็นเมืองหลวงของประเทศสาธารณรัฐเช็ก   ถึงแม้เพิ่งจะเป็นประเทศเกิดใหม่หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตไม่นานแต่กรุงปรากก็มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน  ดินแดนแถบนี้เคยเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรแค้วนโบฮีเมียตั้งแต่ยุคสมัยกรีกโรมันกันเลยทีเดียว แต่ต่อมาแคว้นโบฮีเมียก็ถูกปกครองโดยประเทศมหาอำนาจต่างๆในแต่ละช่วงสมัย โดยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็ตกภายใต้การปกครองของอาณาจักรออสเตรีย -ฮังการี และช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ตกอยุ่ภายใต้การปกครองของเยอรมันและก็สหภาพโซเวียต เพิ่งจะได้รับเอกราชเมื่อในปี พศ. 2533 นี้เองนะคะ   ปัจจุบันนี้สาธารณรัฐเช็กเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรป EU ดังนั้นหากใครจะมาเที่ยวที่นี่ต้องขอวีซ่าแบบเชงเก้นนะคะ แต่ถึงแม้สาธารณรัฐเช็กจะเป็นส่วนหนึ่งของ EU แต่ก็ไม่ได้ใช้เงินสกุลยูโรนะคะ เค้าใช้เงินสกุลโครูน่าเช็ก CZK กันเตรียมแลกกันไปให้ดีก่อนออกเดินทางนะคะ และคนที่นี่ใช้ภาษาเช็กเป็นภาษาทางการ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะกรุงปรากเป็นเมืองท่องเที่ยวดังนั้น คนที่นี่พูดภาษาอังกฤษกันคล่องทีเดียว




หลังจากรู้ข้อมูลคร่าวๆกันแล้วเราก็ออกเดินทางกันเลยนะคะ การเดินทางครั้งนี้ชะนีแคระเดินทางจากกรุงปารีส บินตรงมาสนามบินที่กรุงปรากใช้เวลาแค่ 3 ชมก็มาถึงกรุงปราก ทริปนี้ใช้เวลาอยุ่ที่กรุงปราก 3 คืน 4 วัน เราเดินทางกันในช่วงพฤศจิกายน เป็นช่วงที่อากาศค่อนข้างหนาว อุณหภูมิประมาณ 5-10 องศา ไม่ถึงกับหนาวมากดังนั้นเตรียมตัวกันไปให้พร้อม แต่ขอรับรองว่าช่วงนี้ใบไม้กำลังเปลี่ยนสี สวยสุดๆไปเลยละคะ เมื่อมาถึงสนามบินแล้วชะนีแคระจัดการหาตู้เอทีเอ็มกดเงิน แล้วเราก็ไปติดต่อศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยวที่สนามบินเพื่อขอแผนที่ และก็ซื้อตั๋วรถเมลล์เพื่อเดินทางเข้าตัวเมืองกรุงปรากกัน ส่วนวิธีเดินทางเข้าตัวเมืองก็ง่ายๆมีดังนี้
 วิธีที่ 1 แท็กซี่ แพงคะ
 วิธีที่ 2  ชัตเตอร์บัส
 วิธีที่ 3 ก็นั่งรถเมล์ แล้วไปต่อ Metro เข้าเมืองกัน ซึ่งชะนีแคระเลือกสบายกระเป๋า ไปรถเมลล์คะ แต่ก็ไม่ยุ่งยากมากนัก โดยรถเมลล์เข้าเมืองจะมีอยุ่สองสายหลัก คือสาย 119 แล้วไปต่อเมโทรสาย A และรถเมล์สาย 100 จะไปต่อ metro สาย B เราก็เลือกทิศทางของโรงแรมว่าใกล้กับเมโทรสายไหน ของชะนีแคระก็เลือกขึ้นรถเมล์สาย 100 แล้วไปต่อเมโทรสาย B แทน โดยราคาตั๋วรถสาธารณะที่นี่ใช้ได้ร่วมกันหมดทั้งรถเมล์  เมโทร และรถราง แบบตั๋วก็จะมีแบบตั๋วเดินทางระยะสั้น 30 นาที และ 90 นาที แบบเป็นตั๋ววัน 1 วัน 3 วัน 5 วัน และแบบรายเดือน ก็เลือกเอาตามอัธยาศัยของท่านผู้อ่านแล้วกัน แต่ที่สำคัญเวลาก่อนขึ้นรถอย่าลืมตอกบัตรที่เครื่องตอกบัตร ก่อนขึ้นรถเมล์ รถราง หรือเมโทรนะ ไม่งั้นถ้าโดนตรวจขึ้นมาโดนปรับไม่คุ้มคะ

วันแรกเรามาถึงที่พักก็ค่อนข้างเย็นแล้วนะคะ   ทุ่มกว่าๆในช่วงฤดูใบไม้ร่วงแบบนี้ท้องฟ้ามืดสนิทเราจึงตัดสินใจว่าหาอะไรกินรองท้องและเดินเล่นแถวๆโรงแรมนี่หละคะ พอดีว่าเราพักใกล้ๆกับจัตุรัสย่าน Old town  square ชะนีแคระเลยเอาภาพโบสถ์ Tyn ในตอนกลางคืนมาฝากกัน แล้วค่อยออกเที่ยวในวันรุ่งขึ้น


ย่าน   Old town square ข้างหลังเป็นโบสถ์ Tyn

วันที่ 2 เช้าแล้วออกเที่ยวกันเลย เราตื่นแต่เช้าเพื่อเดินทางไปเที่ยวชมสะพานชาร์ลและปราสาทกรุงปรากกันนะคะ

1 สะพานชาร์ล(Charles Bridge) สะพานชาร์ลถือว่าเป็นสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงของกรุงปรากเลยก็ว่าได้ สะพานนี้เป็นสะพานที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงปราก โดยพระเจ้าชาร์ลที่ 4 แห่งอาณาจักรโบฮีเมียโปรดให้สร้างสะพานขึ้นเพื่อเชื่อมฝั่งจากปราสาทกรุงปรากทางตะวันตกเข้ากับทางเขตเมืองเก่า ข้ามผ่านแม่น้ำวัตตาวา (Valtava) ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญของสาธารณรัฐเช็ก  โดยลักษณะเด่นของสะพานจะมีการประดับไปด้วยรูปปูนปั้นนักบุญต่างๆในศาสนาคริสต์ 30 รูป แต่ที่สำคัญและโดดเด่นสุดน่าจะเป็นรูปปั้นของนักบุญเซนต์จอห์น โนโปมุก ตามตำนานเล่าไว้ว่าท่านนักบุญโนโปมุกถูกโยนทิ้งลงจากบนสะพานชาร์ลและเสียชีวิตที่แม่น้ำวัตตาวานี้ด้วยคำสั่งของกษัตริย์พระองค์หนึ่งเพราะเนื่องจากท่านปฏิเสธที่จะเปิดเผยความลับของพระราชินีที่ได้มาสารภาพบาปกับท่านนั้นเอง หลังจากที่ท่านได้เสียชีวิต 400 กว่าปีทางคริสจักร์เลยได้แต่งตั้งให้ท่านเป็นนักบุญแล้วได้บอกว่าการกระทำของท่านเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เป็นเทพแห่งความซื่อสัตย์อะไรประมาณนั้น  ชาวเมืองเค้าเชื่อว่าถ้าใครที่มาสัมผัสรูปปั้นนูนสุง 2 รูปใต้รูปปูนปั้นของท่านนักบุญนี้แล้วอธิฐานขอพรได้ 1 เรื่องที่อยากได้ บ้างก็บอกว่าถ้าได้ลูบแล้วจะได้กลับมาเยือนที่กรุงปรากอีก ไม่พลาดสำหรับชะนีแคระคะยืนต่อคิวรอขอพรเลยคะ  มีที่แนะนำอีกนิดนะคะควรจะออกมาชมสะพานชาร์ลแต่เช้าๆ เพราะสายๆบนสะพานจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คน และนักดนตรีเปิดหมวกบ้าง นักจิตกรขายภาพ ยากคะที่จะหาเฟรมถ่ายรูปแล้วที่จะไม่ติดผู้คน ถ้าอยากได้รูปสวยๆต้องไม่ตื่นสายนะคะ


บรรยากาศบนสะพานชาร์ล

รุปปูนปั้นนักบุญต่างๆในศาสนาคริสต์

รูปปั้นนักบุญโนโปมุก
อนุเสาวรีย์กษัตริชาร์ลที่ 4 แห่งแคว้นโบฮีเมียผู้เป็นคนสร้างสะพานชาร์ล

2 ปราสาทกรุงปราก( Prague Castle)  ถูกสร้างขึ้นใน คศ. 885 เคยเป็นปราสาทของกษัตริย์แห่งแคว้นโบฮีเมียมาก่อน และก็ได้ถูกสร้างต่อเติมขึ้นมาในหลายๆสมัยจนถึงปัจจุบันนะคะ นอกจากนี้ปราสาทกรุงปรากยังถูกบันทึกในกินเนสบุ๊กว่าเป็นปราสาทโบราณที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วย เค้าบอกว่าใหญ่ราวสนามฟุตบอล 7 สนามรวมกัน ปัจจุบันใช้เป็นที่พำนักของประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเช็ก 



วันนี้เราจะเข้าไปเที่ยวในตัวปราสาทกรุงปรากกันนะคะ  ตรงประตูทางเข้าหน้าปราสาทซุ้มประตูจะมีรูปปั้นเป็นการต่อสู้กันของยักษ์ไททัน 2 ตัว ส่วนด้านล่างก็จะเป็นป้อมการ์ดทหารรักษาวัง 

หน้าประตูทางเข้าปราสาทกรุงปราก

พี่ทหารการ์ดรักษาวังหน้านิ่งมาก



มีข้อแนะนำนิดนึงเวลามาเที่ยวชมปราสาทควรกะเวลาให้ดีๆนะคะ เพราะถ้ามาถึงเวลาสัก
 11 .30 น. เข้าจะเริ่มกั้นประตูทางเข้ากั้นคนไม่ให้เดินผ่านเข้าออก เพื่อจะทำการเปลี่ยนการ์ดทหารรักษาวังในช่วง 12.00 น  รับรองว่าการเปลี่ยนการ์ดน่าสนใจทีเดียวมีการบรรเลงดนตรีเข้าจังหวะในการเดินขบวนพาเหรดของเหล่าการ์ดทหารกันด้วย  เสียดายชะนีแคระมาช้าไปนิดเลยไม่ได้อยู่แถวด้านหน้า เลยภาพอาจจะต้องใช้การซูมแทน ดังนั้นท่านผู้อ่านที่สนใจก็คำนวณเวลาดีๆจะได้ดูอย่างใกล้ชิดติดขอบเลย


การเดินขบวนพาเหรดของการ์ดรักษาวัง

ทหารบรรเลงดนตรีดุริยางค์


หลังจากที่ดูการเปลี่ยนการ์ดรักษาวังเราก็เดินเข้ามาทำการซื้อตั๋วเข้าชมในตัวปราสาทกรุงปรากกันด้านใน  ชะนีแคระซื้อตั๋วแบบ short visit  ราคาจะตกประมาณ ผู้ใหญ่ 250 CZK  นักเรียน 125 CZK โดยภายในก็จะมีจุดที่น่าสนใจหลายๆอย่าง อย่างแรกพี่จะพาไปชมกันนั่นก็คือ  มหาวิหารเซนต์วิตุส (St. Vitus Cathedral) ซึ่งเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุด และสำคัญที่สุดในสาธารณรัฐเช็ก มหาวิหารนี้มีอายุราวนับเกือบพันปี  โดยพระเจ้าชาร์ลที่ 4 สั่งให้สร้างขึ้นใน คศ. 1344 กว่าจะใช้เวลาสร้างเสร็จก็นับรวม 500 กว่าปี โดยมหาวิหารแห่งนี้สร้างสไตย์โกธิก จุดเด่นของมหาวิหารนี้คือการประดับดาด้วยกระจกสีต่างๆซึ่งเป็นหนึ่งในผลงานจากศิลปินชื่อดังก้องโลกนามว่า อัลฟอน มูค่า (Alphonse Mucha )ด้วยนะคะ


ด้านหน้ามหาวิหารเซนต์วิตุส
ภายในมหาวิหารเซนวิตุส


มีการประดับด้วยกระจกคริสตัลหลากสีสัน ผลงานเองกของอัลฟอน  มูค่าคะ
หลังจากนี้เราก็เข้าไปชมพระราชวังเก่าต่อซึ่งอยุ่ใกล้ๆติดกันกับมหาวิหารเซนต์วิตุส  โดยภายในพระราชวังเก่าก็มีการจัดแสดงห้องโถงท้องพระโรงในสมัยก่อนที่มีการจัดงานพิธีฉลอง เข้าเฝ้าต่างๆ รวมถึงมีการจัดแสดงห้องต่างๆ ภายในพระราชวังเก่า ซึ่งล้วนมีประวัติ ที่น่าสนใจไม่น้อย 


ห้องโถงท้องพระโรง ซึ่งไว้จัดงานราชาภิเษก งานราชพิธีสำคัญในสมัยก่อน 

มีการจัดแสดงจำลองมงกุฏ และคถาของเหล่ากษัตริย์โบฮีเมียในสมัยก่อน

อีกหนึ่งไฮไลห้ามพลาดสำหรับการเข้าชมปราสาทกรุงปรากกันก็คือหมู่บ้านช่างทอง (Golden lane)มันคือหมู่บ้านที่พักอาศัยของเหล่าช่างฝีมือต่างๆ ที่ทำงานในปราสาทในสมัยก่อน ที่ชอบมากก็คือบ้านแต่ละหลังจะทาสีสันสดใสอย่างกะลูกกวาด และบ้านแต่ละหลังก็จะมีขนาดเล็กกระจุ๋มกระจิ๋ม สงสัยคนในสมัยก่อนคงจะประหยัดพื้นที่สร้างบ้าน ปัจจุบันบางส่วนก็จะมีการจัดแสดงพวกเกราะนักรบโบราณ อาวุธที่ใช้ในสมัยโบราณ รวมถึงเครื่องมือทรมานศัตรู  เหล่านักโทษต่างๆ ส่วนบ้านหลังเล็กๆปัจจุบันก็นำมาเป็นร้านขายของที่ระลึกน่ารักคอยต้อนรับนักท่องเที่ยว

ตรอกทางเข้า Golden lane

บ้านหมายเลข 19 จะมีขนาดเล็กที่สุดเลย



เกราะนักรบโบราณ

เครื่องมือทรมานต่างๆ

3. ย่านจัตุรัส Old town square เป็นย่านจุดศูนย์กลางการค้าขายของกรุงปรากมาตั้งแต่สมัยโบราณ ปัจจุบันย่านนี้เป็นศูนย์การพบปะ และมีร้านอาหารมากมาย บางทีก็มีตั้งเต้นท์ขายอาหารตามเทศกาลต่างๆ  ตรงบริเวณย่านเมืองเก่า เราจะเห็นโบสถ์สไตย์โกธิค ที่มียอดแหลมนั้นสูงเด่นมาแต่ไกลนั่นคือโบสถ์ Tyn หรือเรียกชื่อเต็มๆว่า Church of our lady before Tyn ซึ่งเป็นโบสถ์สำคัญอันดับสองของกรุงปราก และเราสามารถขึ้นไปชมวิวถ่ายรูปกรุงปรากมุมสูงได้จากบนยอดหอคอยโบสถ์ Tyn


โบสถ์ Tyn  ชื่อเต็มว่า our lady before Tyn

ศาลาว่าการเมืองเก่า Old city hall

ภาพถ่ายกลางจัตรุสย่าน Old town square
จากตรงย่านจัตุรัสเก่ากลางเมืองนั้นมีสิ่งสำคัญอีกสิ่งว่าถ้ามาเที่ยวกรุงปรากห้ามพลาดแวะชมกันทีเดียว
มันคือ 4. นาฬิกาดาราศาสตร์ ( Astronomical clock) ซึ่งจะอยุ่ข้างหอคอยศาลาว่าการเมืองเก่า นาฬิกาถูกสร้างขึ้นราวก่อน 500 ปีมาแล้ว เวลานาฬิกาเดินครบทุกชม. กลไกจะทำงานให้ตุ๊กตารูปเหล่าสาวก 12 คน  ของพระเยซูออกโผล่หน้ามาจากช่องหน้าต่างหมุนจบครบ ท่านผู้อ่านลองจิตนาการนะคะว่าเมื่อ 500 กว่าปีที่แล้วเรายังไม่มีเทคโนโลยีที่ซับซ้อนขนาดนี้ ในสมัยนั้นจึงจัดว่าเป็นสุดยอดนาฬิกาของโลก บางตำนานเล่ากันว่าหลังจากนาฬิกาสร้างเสร็จ ผู้สร้างนาฬิกาอันนี้ก็ถูกสั่งให้ควักลูกตา เพื่อป้องกันไม่ให้ไปสร้างนาฬิกาแบบนี้ที่อื่นอีก บางตำนานยังเล่าต่ออีกว่าหากนาฬิกานี้หยุดเดินเมื่อไหร่ มักจะมีเหตุการณ์อาถรรพ์หรืออาเพทเกิดขึ้นกับชาวกรุงปราก หรือชาวโลก ว่ากันไปขนาดนั้นเลย





เนื่องจากชะนีแคระพักโรงแรมใกล้ย่าน Old town square ต้องเดินผ่านย่านนี้ทุกวันตลอดการเดินทางจึงรวบรวมบรรยากาศเหล่าอาหารการกินของชาวปราฮามาให้ดูกันนะว่า เค้าขายอะไรกันบ้าง อาหารอะไรดูน่ากินบ้าง อย่างแรกเลยขนมสุดฮิตของชาวปราฮานะมันชื่อ Trdelnik ลักษณะคล้ายๆขนมปังย่าง เค้าจะเอาแป้ง มานวดแล้วมาม้วนเป็นเส้นๆคลุกพวกแอลมอน น้ำตาลมาพันไม้แววก็ย่างไฟ ยิ่งถ้ากินช่วงหนาวๆแล้ว มันอร่อยมาก ชะนีแคระซื้อกินแทบทุกวันเลยคะ ซึ่งมันมีขายทุกตามตรอกถนนหากินง่าย รสชาติคล้ายขนมปังแอนตี้แอนประมาณนั้นคะ ส่วนราคาก็ประมาณ 40-50 CZKต่ออัน


ดูหน้าพ่อค้าสิ เลิศเนอะ

อาหารอีกอย่างถ้ามากรุงปรากแล้วห้ามพลาด พวกขาหมูย่าง อาหารจานนี้มักเป็นที่นิยมของชาวปราฮา ส่วนใหญ่อาหารฝั่งยุโรปกลาง ยุโรปตะวันออก ค่อนข้างจะเน้นไปพวกหมู ไก่ ไส้กรอก และหัวมันเป็นหลัก เน้นอาหารจานใหญ่  เพราะฉะนั้นเวลาจะสั่งทานนะระวังนิดนึงสำหรับคุณสาวๆที่ทานน้อย ระวังจะทานกันไม่หมด แต่สำหรับชะนีแคระ เรื่องกินเรื่องใหญ่ยอมคะอ้วนตายไปเลย


ย่างเป็นตัวๆกันเลย
สั่งกินกับเบียร์นะ มันเลิศมากจริงๆ


วันที่ 3 แล้วนะคะ วันนี้ฝนตกปรอย ๆท้องฟ้าไม่ค่อยแจ่มใสนัก ซึ่งวันนี้เราจะเดินทางไปเที่ยวที่ 5.  Petrin  Tower ซึ่งอยู่บนยอดเขา Petrin ซึ่งจุดนี้จะเป็นจุดสูงสุดของกรุงปราก แล้วเราสามารถมองเห็นวิวกรุงปรากได้ทั่วทั้งเมืองเลยคะ ว่าแล้วเราออกเดินทางกันเลย ในการที่จะขึ้นหอคอยเปตินนั้นสามารถเดินขึ้นไปได้ แต่ถ้ากลัวเหนื่อยเราสามารถใช้บริการของกระเช้าขึ้นหอคอยได้คะ ซึ่งระหว่างเดินหาสถานีรถกระเช้าขึ้นหอคอยเปติน ก็เดินผ่านนี้คะ  ปะติมากรรมที่แสดงถึงการต่อสู้ของขบวนการเสรีชนชาวปราฮาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่คอยต่อสู้กับฝ่ายอักษะนั่นเอง


ปะติมากรรมแสดงถึงผู้เสียชีวิตจากการต่อสู้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
หอคอยเปติน ชะนีแคระว่าเค้าจำลองคล้ายๆหอไอเฟลยังไงยังงั้นแต่ขนาดเล็กกว่ามาก เมื่อเราขึ้นกระเช้ามาถึงบนเนินเขาแล้วก็จะเจอพวกแปลงสวนผัก สวนดอกไม้ดูสวยงามดีแต่ชะนีแคระไม่รอช้ารีบขึ้นหอคอยเปรตินทันทีเพื่อไปเก็บภาพวิวรอบๆกรุงปราก 360 องศามาฝากท่านผู้อ่านกันคะ เสียดายไปนิดวันนี้ท้องฟ้าไม่เป็นใจเลยนะคะ หากฟ้าใสๆหละก็รับรองมันต้องสวยงามมากแน่เลยคะ


หอคอยเปติน ซึ่งขึ้นไปถ่ายภาพวิวมุมสูงของกรุงปราก

วิวรอบๆกรุงปราก

ภาพมุมสูงเห็นยอดแหลมของโบสเซนวิตุส และปราสาทปราก

ภาพถ่ายมุมสูงเห็นสะพานชาร์ลคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว



ภาพกรุงปรากสองฝรั่งแม่น้ำวัตตาวา

หลังจากเดินเล่นแถวเนินเขา Petrin กันแล้วเราก็จะเดินไปชมความงามของโบสถ์ 6. Notre dame of Lorette อ่านมาจากหนังสือ lonely planet เค้าบอกว่าภายในตัวโบสถ์นั้นสวยงามและแปลกตามาก ดังนั้นไม่พลาดคะเดี๋ยวเราลองไปดูกันว่าจะอลังการจริงหรือไม่ หลังจากที่ชะนีแคระแวะเข้าไปดูแล้วก็รุ้สึกสวยงามดี แปลกดีคะ แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ เพราะต้องเสียค่าถ่ายรูป ชะนีแคระงกคะ เลยเก็บแค่เป็นภาพในความทรงจำแทนแล้วกัน นอกจากนี้ที่โบสถ์ยังมีส่วนที่เปิดเป็นพิพิธภัณธ์เก็บรักษาสิ่งมีค่าของโบสถ์ไว้จัดแสดงบนชั้นสองของอาคารด้วย ถ้าหากท่านผู้อ่านสนใจอยากรุ้ว่ามันสวยแค่ไหน แปลกยังไง หากมีโอกาสแวะไปปรากลองแวะเข้าไปชมกันนะคะ



ภายนอกโบสถ์ Notre dam of Lorette




7. ย่าน Venceslas ในเขตย่านนี้ถือว่าเป็นแหล่งช็อปปิ้งของชาวปราฮากัน มีห้างร้านอาหารมากมาย ถือว่าเป็นย่านธุรกิจของกรุงปราก ชะนีแคระแวะมาเดินเล่นในช่วงเย็นๆหาอาหารมื้อค่ำทานกัน



อนุเสาวรีย์ย่าน Venceslas ด้านหลังเป็นพิพิธภัณธ์แห่งชาติของกรุงปราก


เราก็มาถึงวันที่ 4 วันสุดท้ายของการเดินทางแล้วคะ วันนี้เรามีเวลาตั้งแต่เช้าจรดเย็นเลย เพราะคืนนี้ไฟล์เราจะบินเกือบสองทุ่ม โปรแกรมวันนี้ค่อนข้างสบายคะเพราะเราเก็บแหล่งที่เที่ยวสำคัญๆไปเกือบหมดแล้ว เอาเป็นว่าวันนี้แวะเดินเล่นชมเมือง ซื้อของฝากกันนะคะ  เช้านี้ค่อนข้างสดใส ฟ้าโปร่งคะตั้งใจว่าจะเดินไปที่สะพานชาร์ลอีกครั้ง แต่วันนี้โชคดีมากคะพอดีมีนางแบบมาถ่ายทำหนังโฆษณากัน เราจึงได้เก็บภาพสวยๆของกรุงปรากและการถ่ายทำโฆษณามาฝากท่านผู้อ่านคะ


กำลังถ่ายโฆษณา

ภาพวิวกรุงปรากสวยสุดๆ พร้อมนางแบบ

วิวสะพานชาร์ล





เราก็เดินเล่นเก็บภาพบรรยากาศเมืองปรากชิวชิว มาฝากกันนะคะ



อันนี้ตึกเต้นระบำ เห็นตึกนี้แล้วแปลกดี ไอเดียดีจริงๆเลยเก็บภาพมาฝากกัน




เราเดินไปเรื่อยๆ ไปเจอตลาดคะ ที่นี่มีขายของฝากที่ระลึกมากมาย รูปภาพ โปสการ์ด เครื่องแก้ว ผักและผลไม้ แต่ที่เห็นว่าแปลกก็คือหลายๆร้านจะแขวนตุ๊กตาแม่มด พอนักท่องเที่ยวเดินผ่านมาก็จะตบมือ เหล่าตุ๊กตาแม่มดก็จะส่งเสียงร้องประหลาดๆ ดูตลกดีคะ แต่ถ้าให้ชะนีแคระซื้อกลับบ้านคงไม่ไหว ตอนกลางคืนหากมันร้องคงได้มีนอนคลุมโปงแน่ๆคะ

ตุ๊กตาแม่มดส่งเสีียงได้ด้วยการปรบมือ


ตลาดนัดขายของ

การเดินทางมาเที่ยวกรุงปรากนั้นรุ้สึกประทับใจหลายๆอย่างไม่ว่าจะเป็นความงามของบ้านเมือง คนที่นี่เค้าค่อนข้างอนุรักษ์บ้านเมือง โบราณสถาน โบราณวัตถุได้อย่างดีเยี่ยม ถือว่ากรุงปรากโชคดีมากที่บ้านเมืองไม่ถูกทำลายลงในช่วงสงครามโลกเหมือนหลายๆเมืองในยุโรป ไม่งั้นพวกเราก็คงอดได้ดูได้เห็นของสวยๆงามๆศิลปะ และวิวัฒนาการความเจริญรุ่งเรืองของคนในอดีต    และการมาเที่ยวที่กรุงปรากไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด เพียงแค่เที่ยวที่นี่สัก 2 คืน 3 วันก็น่าจะเที่ยวได้ครบนะคะ หากท่านผู้อ่านสนใจที่จะมาเที่ยวทางแถบยุโรปกลาง ซึ่งค่าใช้จ่ายไม่ได้แพงมาก ราคาสินค้าถูกกว่าฝั่งยุโรปตะวันตก  กรุงปราก และสาธารณรัฐเช็กจึงเป็นอีกประเทศหนึ่งที่น่าสนใจ ลองแวะเวียนมาเที่ยวกัน รับรองว่าท่านผู้อ่านจะต้องรุ้สึกประทับใจอย่างแน่นอน   วันนี้ชะนีแคระลาไปก่อนขอขอบคุณสำหรับทุกการติดตามกัน  ตอนหน้าชะนีแคระจะพาไปเที่ยวทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กันบ้าง เราจะไปเที่ยวสิงคโปร์ แวะเยี่ยมพี่เมอร์ไลออนกันคะ