*********************************************************************************
เมืองเอตโทรต้า Etretat เป็นเมืองที่ทะเลถูกล้อมรอบด้วยหน้าผาสูงชันที่สวยงามตามธรรมชาติราวภาพวาด จึงไม่แปลกใจเลยที่เอตโตรต้าเป็นแรงบันดาลใจให้เหล่่าจิตรกรที่มีชื่อเสียงไม่ว่าจะเป้น Claude Monet ,Gustave Courbetซึ่งเป็นจิตกรที่มีชื่อเสียงในช่วงคริสตวรรษที่ 17 ต่างก็มาสร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะที้มีชื่อเสียงจนถึงทุกวันนี้ นอกจากจะเป็นเมืองที่มีความงามเกี่ยวกับธรรมชาติแล้ว เอตโทรต้ายังมีซากของสงครามโลกครั้งที่สองให้ได้เห็น เนื่องจากเอตโทรต้าเป็นจุดยุทธศาสตร์เป็นฐานทัพนาซี ที่คอยป้องกันการโจมตีจากฝ่่่ายสัมพันธมิตรทั้งทางน้ำ และทางอากาศ ณ จุดนี้เราสามารถมองเห็นเกาะบริเตรน (อังกฤษ)อยู่ลิบๆ หลังจากที่รุ้ข้อมูลคราวๆเราก็เริ่มการเดินทางไปกับชะนีแคระหัวใจอินเตอร์กันเลยค้า
วันนี้เราเริ่มต้นการเดินทางด้วยบรรยากาศเป็นใจ ท้องฟ้าเปิด เรามาถึงเอตโทรต้าไม่สาย เราก็เลยมีเวลาเดินดูข้าวของที่ระลึกในตัวเมืองกัน และก็แวะซื้อเสบียงเล็กน้อยก่อนเดินขึ้นหน้าผาชมความงาม สิ่งหนึ่งจะถือว่าเป็นกิจวัตรประจำของข้าเจ้าเลยก็ว่าได้ เวลาเดินทางไปเมืองไหนก็แล้วแต่ ข้าเจ้าจะต้องทำการซื้อโปสการ์ด แล้วก็เขียนข้อความส่งกลับไปหาตัวเองที่บ้าน พ่อแม่ และเพื่อนทุกครั้ง ดังนั้นข้าเจ้าจึงใช้เวลานานนับครึ่งชม. ในเการเลือกโปสการ์ด และที่เมื่องนี้ก็จะมีร้านรวงขายของที่ระลึก ร้านอาหารต่างๆมากมายเพราะที่นี่นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ หลังจากที่แวะกินอาหารรองท้อง ซื้อเครื่องดี่ม โปสการ์ดเสร็จเรียบร้อยเราก้เตรียมตัวเดินขึ้นหน้าผากัน
ภาพวิวตัวเมืองเอตโทรต้าจากมุมสูง |
กำลังเป็นนางเอกมิวสิค |
จุดชมวิว |
หน้าผา |
คุณผุ้อ่านอยากบอกว่าในการเดินขึ้นเขามาเพื่อที่จะมาชมความงามของเอตโทรต้าทำเอาข้าเจ้าหอบแฮก เหนื่อยมากขอบอก เพราะความที่เราเดินขึ้นเขามาเนี่ย ข้าเจ้ามีอาการวิ้งหูตลอด ยิ่งสูงยิ่งวิ้งมาก แต่หลังจากที่ข้าเจ้าบ่นโอดโอยตลอดทาง พอขึ้นมาเห็นวิวด้านบนของหน้าผาแววนี่ ขอบอกไอ้ความเหนื่อยที่เดินขึ้นมาเมื่อกี้ มลายหายไปหมด คุ้มจริงๆกับการเดินขึ้นมาหลายกิโล มันเหมือนว่าเราอยุ่บนสรวรรค์ อาจจะดุเว่อ แต่จริงวันที่เราเห็นท้องฟ้าที่ฟ้าสวยตัดกับผืนน้ำทะเลสีคราม แล้วหน้าผาสูงชันที่ตั้งตระหงานทอดตัวลงไปในท้องทะเล มันเหมือกับภาพวาดที่จิตกรเอกของโลกมาสร้างสรรค์ไว้ เพี่ยงแต่ว่ามันเป็นภาพวาดที่มีชีวิตนั่นเอง ข้าเจ้าเห้นแววทำให้ข้าเจ้ากับคิดว่านี่หละความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ แล้วเราเป้นเพียงมนุษย์ตัวเล็กๆไฉนเลยจะกล้าต่อกรกับธรรมชาติอันแสนยิ่งใหญ่ได้ หลังจากที่เรามาถึงยอดผาข้าเจ้าก็ทำการกดชัตเตอร์ เก็บภาพถ่่าย และก็ทำตัวเองเป็นนางแบบ ซึ่งได้ข่าววว่่าก่อนหน้านี้แทบจะหมดแรง แต่พอได้เห็นกล้องดิฉันจะกระโดดเอ็กท่าทันที่ ข้าเจ้าไม่เคยเหนื่อยกับการถ่่ายรูป 555 พี่ฝรั่งเศสก็จะงงเล็กน้อย พร้อมกับหัวเราะในการบ้าถ่ายรุปของชะนีแคระ แต่ข้าเจ้าก็หาได้อายไม่ หลังจากที่เราเก็บภาพวิวบนหน้าผา นั่งพักชมวิวพอให้หายเหนื่อย เพื่อเป็นการไม่เสียเวลาเราก็หยิบโปสการ์ดขึ้นมาเขียนด้วย พอหายเหนื่อย เราก็เดินเล่นบนหน้าผากันต่อสำรวจพื้นที่ไปด้วย บนหน้าผ้า เราก็จะเห็นซากบังเกอร์ของทหารเยอรมันซึ่งซ่อนอยุ่ตามจุดต่างๆ และก็ตอนนี้เนื่องจากเป็นช่วงน้ำทะเลลงข้าเจ้าจึงทำการเสี่ยงตายเดินลัดเลาะหน้าผาไต่บันไดลงไปด้านล่างหาดเพื่อเก็บภาพมาให้ท่านผุ้อ่่านได้ชมกัน สำหรับข้าเจ้าแอบเสียวเล็กน้อยตอนปีนลงบันได แต่ก็เพราะความอยากเก็บภาพริงไซค์ ทำให้เข้าเจ้าตะเกียกตะกายปีนลงมาจนได้ ถ่ายรูปสักพักใหญ่ เพื่อนหันมาบอกไปกลับขึ้นข้างบนได้แหละ โฮ ลงก็ว่าแย่นี่ต้องปีนกลับขึ้นไปอีก แล้วตรูจะลงมาทำไมเนี่ยครับพี่น้อง
ภาพวิวสวยยามเย็น |
ภาพถ่ายด้านล่างที่ข้าเจ้าปีนบันไดลิงลงมาถ่่าย |
หลังจากที่เราเดินเล่นอยุ่นานบนหน้าผาจนพระอาทิตย์ใกล้จะตก ทำให้เรารุ้ว่าเราใช้เวลากับที่นี่นานมาก อย่างว่าความสุขมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องกลับบ้าน กลับมาเผชิญความจริงของชีวิตกันอีกครั้งสำหรับความคิดของข้าเจ้าประทับใจหลายๆสิ่งในทริปเที่ยวนอมังดีครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นความงามของธรรมชาติ ความอบอุ่นและมิตรไมตรีของชาวฝรั่งเศสที่เราจะหาได้ยากในเมืองใหญ่อย่างปารีส พร้อมกับวัฒนธรรมของท้องถิ้นและก็อาหาร นอมังดีจึงเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวอีกทางเลือกหนึ่งของนักทอ่งเที่ยวสำหรับวันหยุดยาว ข้าเจ้าหวังว่่าบันทึกการเดินทางครั้งนี้คงจะเป็นแรงบันดาลใจ ประโยชน์และแหล่งข้อมูลสำหรับพี่ๆ เพื่อนๆมิตรรักแฟนเพลงทุกคนนะคะ สำหรับวันนี้ข้าเจ้าขอลาไปก่อน ขอบคุณสำหรับการติดตาม แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้า เมื่อชะนีแคระทำตัวไฮโซบุกไปเล่นสกี ทำตัวชิวชิวที่สวิตเซอร์แลน และ เยือนเมือง Annecy เวนิสแห่งเทือกเขาแอลป์กันนะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น