"กลับมายืนที่เดิม ที่ที่เราคุ้นเคย" 555 อิฉันกลับมาแววคะกลับมาตามคำเรียกร้องของมิตรรักแฟนเพลงหลายท่านที่ออกแนวก่นด่ากันว่าดิฉันหายไปไหน ดิฉันกลับมาแล้วคะ กลับมาพร้อมกับการเดินทางครั้งใหม่ล่าสุดในตอนที่ชื่อว่า Annecy เวนิสแห่งเทือกเขาแอลป์ ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ไม่ธรรมดาเพราะต้องแลกด้วยความเหนื่อยและความท้าทายสุดยอดของดิฉัน เอะมันจะท้าทาย มันจะเหนื่อยขนาดไหน ท่านผู้อ่านทุกท่านเตรียมตัวกันหรือยังถ้าพร้อมแวว เราออกเดินทางพร้อมกันไปกับชะนีแคระหัวใจอินเตอร์เยยคะ
*********************************************************************************
Annecy อันซี เป็นเมืองเอกของเขตซาวัวตอนบน (Haute Savoie) ได้รับเกียรติให้มีฉายาว่า ห้องรับแขกของโรน-แอลป์ ในแถบเทือกเขาสูงของ French Alps เพราะมีเขตแดนติดกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์และอิตาลี นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่ต้องการเดินทางผ่านเส้นทางนี้จะต้องผ่านเมืองอันซีด้วยกันทั้งสิ้น บ้างก็ว่าเป็นน้องๆเวนิส ด้วยสาเหตุที่ว่าสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างตัวอาคารบ้านเรือนที่สวยงาม และมีการขุดคูคลองหลายสายผ่านกลางเมืองเหมือนเวนิส ซึ่งนี่หละที่เป็นที่มาของชื่อ Annecy เวนิสแห่งเทือกเขาแอลป์ ส่วนฤดูท่องเที่ยวนั้นเริ่มต้นตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน เรื่อยไปจนถึงฤดูใบไม้ร่วง หรือแม้กระทั้งฤดูหนาว เหมือนตอนที่ดิฉันกำลังเดินทางมาเที่ยวนี่ก็สวยงามมีมนต์เสน่ห์ไปอีกแบบ อันซีเมืองเล็กๆ ในหุบเขาแห่งนี้จะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มีทั้งคนในยุโรปด้วยกันหรือมาจากทวีปอื่น รวมถึงชาวฝรั่งเศสเองก็นิยมมาท่องเที่ยวที่นี่ โดยเฉพาะคู่แต่งงานหนุ่มสาวชอบมาฮันนีมูนที่เมืองนี้กันคะ อิอิ
การเดินทางครั้งนี้ก็แสนจะง่ายและสะดวกสบายเราเริ่มออกเดินทางแต่เช้าตรุ่ด้วยตีตั๋วรถไฟทีจีวีจากปารีส - อันซี ราคาไปกลับต่อคน ร้อยกว่ายุโร และแค่ 2 ชม. กว่าๆก็ถึงจุดหมายปลายทางก็คือสถานีรถไฟเมืองอันซีนี่เอง ในการเดินทางครั้งนี้เราได้รับการอนุเคราะห์จากเพื่อนสาวแสนสวย เวจินีและพร้อมกับแฟนหนุ่ม มาโค ได้ให้ที่พักฟรีพร้อมอาหารกับเราตลอดทั้งทริป แถมยังไม่พอพี่แกยังอุทิศตนเป็นไกค์พาเราเที่ยวชมเมืองกันด้วยคะ และแน่คะเวจินีมารับดิฉันที่ชานชาลารถไฟ แต่เธอต้องตกใจทีเดียวกับกระเป๋าเดินทางของดิฉันที่มันแสนจะใหญ่โตกว่าตัวดิฉันมากเนื่องจากช่วงที่ดิฉันมาเป็นช่วงถูดหนาว อากาศหนาวมากกลางวัน -8 องศากลางคืน มีถึง -20 องศากันทีเดียว ทำให้ดิฉันกลัวหนาวตายมากกว่ากลัวการลากกระเป๋า หลังจากเก็บข้าวของเข้าที่พักเสร็จเรียบร้อยเราก็สะพายกล้องคุ่ใจออกเดินทางเที่ยวตัวเมืองกันเยยคะ
วิวตัวเมืองอาคารบ้านเรือน |
ลำคลองสายหลักผ่านกลางเมืองและจะไหลลงสุ่ทะเลสาปอันซี |
ร้านอาหารต่างๆมากมายริมสองฝั่งคลอง |
และไฮไลน์ของเมืองอันซีก็คือ Palais de L’Isle เดิมทีอาคารนี้เป็นของตระกูลเดล ลิส์ล สร้างในศตวรรษที่ 12 แต่อีก 200 ปีต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นศาล และคุก แล้วเปลี่ยนมาเป็นโรงกษาปณ์ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นที่ทำการของรัฐในศตวรรษที่ 15 แล้วกลับมาเป็นคุกใหม่อีกครั้งในช่วงการปฏิวัตฝรั่งเศส จนถึงปี ค.ศ. 1986 ทางการฝรั่งเศสได้เข้าบูรณะครั้งใหญ่แล้วใช้เป็นที่แสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมืองอันซี และซาวัว ด้วยความโดดเด่นในประวัติศาสตร์ และรูปทรงทางสถาปัตยกรรม Palais de L’Isle ทำให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของชาวเมืองไป
Palais de L’Isle |
รูปทรงเหมือนป้อมโบราณแล้ว ยังตั้งอยู่กลางลำคลองที่มีน้ำไหลผ่านทั้งสองด้าน |
เดินมาได้หน่อยเราก็จะได้เจอกับทะเลสาปอันขึ้นชื่อของเมืองอันซี Larc d'Annecy ทะเลสาบของเมืองอันซีนี้ชาวเมืองเขาภูมิใจของเขานักหนา ถึงขนาดคุยว่าน้ำในทะเลสาปสะอาดจนกวักขึ้นมาดื่มได้เลย เท็จจริงประการใดไม่รู้ได้ รุ้แค่ว่่าถ้าตอนนี้กวักน้ำในทะเลสาปมากินฉันคงแข็งตายเป็นแน่ๆ 555 แต่คำคุยโวนี้ถูกฝังอยู่ในหัวของชาวบ้านชาวช่องทุกคน เพราะถามใครเขาก็บอกอย่างนี้ ก็น่าจะเชื่อเขาล่ะคะ ทะเลสาปอันซีนี่ถือเป็นทะเลสาปที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของฝรั่งเศส นอกจากขนาดความใหญ่แวว ความสวยงามก็ไม่เป็นที่รองใคร อยากบอกว่าสวยจริงๆคะ แม้ภาพทีดิฉันเก็บมาฝาก อาจจะไม่เท่ากับความงามที่อยุในความทรงจำของดิฉัน และขอบอกโรแมนติกสมคำล่ำลือจริงๆคะ
ภาพวิวริมทะเลสาปอันซี |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น