สวัสดีคะท่านผู้อ่านที่รักทุกท่านหลังจากห่างหายไปจากการเขียนบล็อกท่องเที่ยวนานกว่าสองปี เนื่องจากชีวิตข้าเจ้านั้นวุ่นวายกับการเรียน ชีวิตและ การงาน ที่สำคัญไปกว่านั้นติดขี้เกียจนั้นเองพูดง่ายๆว่างั้นเถอะคะ และวันนี้บรรยากาศเป็นใจชะนีแคระจึงลุกขึ้นมาปัดฝุ่น และจับแป้นคอมฯอีกครั้ง
หลังจากสัญญากับท่านผู้อ่านในตอนก่อนหน้านี้ว่าจะพาเพื่อนๆนักอ่านไปเที่ยวกรุงเจนีวา(Geneva) กัน ถ้าเพื่อนๆ พร้อมแวว ไปกันเลยคะ( ติดตามผลงานตอนก่อนหน้านี้ La Clusaz การเล่นสกีครั้งแรกของชะนีแคระ) http://aiyaaroundtheworld.blogspot.fr/2012/10/la-clusaz.html
กรุงเจนีวา(Geneva) หรือที่ชาวฝรั่งเศสเรียกชื่อเมืองว่า เฉอนาฟ นั่นเอง ถึงแม้กรุงเจนีวาจะไม่ใช่เมืองหลวงของประเทศสวิสเซอแลนด์ (Switzerland) แต่กรุงเจนีวาก็จัดเป็นเมืองที่มีความสำคัญ มีชื่อเสียงและเป็นอีกเมืองที่นักท่องเที่ยวนิยมต่างพามาแวะเวียนเป็นอันดับต้นๆของการท่องเที่ยวในประเทศสวิตเซอแลนด์ อีกทั้งกรุงเจนีวายังเป็นที่ตั้งขององค์กรระหว่างชาติสำคัญๆ หลายองค์กร เช่น สำนักงานใหญ่ขององค์การสหประชาชาติประจำทวีปยุโรป, องค์การอนามัยโลก (WHO), องค์การการค้าโลก (WTO) เป็นต้นนอกจากนี้แล้วกรุงเจนีวายังเป็นสถานที่จัดตั้งองค์การสันนิบาตชาติ ใน ค.ศ. 1919 และกาชาดสากล ใน ค.ศ. 1864 ด้วยเพราะเหตุนี้หลายคนจึงขนานนามว่านครเจนีวาเป็นเมืองแห่งศูนย์กลางนานาชาติ
จตุรัสกลางเมืองเจนีวา |
การเดินทางมาครั้งนี้ข้าเจ้าได้เดินทางมาจากเมืองอานซี ( Annecy) จากประเทศฝรั่งเศส ตั้งใจว่าจะแวะมาเที่ยวเจนีวาแบบเช้าเย็นกลับ ซึ่งการเดินทางนั้นก็ขับรถยนต์ส่วนตัวใช้เวลาประมาณแค่ชั่วโมง กว่าๆก็มาถึงใจกลางเมืองเจนีวาราวๆเที่ยงได้ แต่เนื่องจากวันที่ข้าเจ้ามานี้เป็นช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ กำลังอยุ่ในช่วงฤดูหนาว อากาศค่อนข้างหนาวได้ใจเลยที่เดียว อากาศติดลบ - 12 องศาได้ประกอบกับลมที่พัดอยุ่ตลอดเวลา หิมะยังกองอยุ่ที่พื้นถนนเลย คิดดูนะคะหนาวขนาดมือนี้แข็งแทบจะกดถ่ายรูปไม่ได้เลยทีเดียว ดังนั้นทริปที่เจนีวานี้จึงเป็นทริปที่มีรูปน้อยที่สุดว่างั้นเถอะ 555
การเที่ยวในเมืองเจนีวา นั้นก็แบ่งออกเป็นสองส่วน คือในส่วนของเมืองเก่า(Old Town ) และก็ส่วนเมืองใหม่ ( New Town)นั้นเรามาเริ่มเดินเล่นในส่วนของเมืองเก่ากันก่อนเลยนะคะ ที่แรกที่เราแวะไปเยือน
วิหารเซนต์ปิแอร์ (St. Pierre Cathedral) เป็นวิหารนิกายโปรเตสแตนต์ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ย้อนกลับไปในช่วงระหว่างศตวรรษ 8 -10 ปัจจุบันวิหารได้กลายเป็น 1 ใน 82 สิ่งปลูกสร้างที่เป็นแหล่งมรดกสำคัญของชาติสวิตเซอร์แลนด์ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวหลักของกรุงเจนีวาอีกด้วย วิหารแห่งนี้เป็นการผสมผสานของศิลปะร่วมสมัย มีความสวยงามของกระจกสี ภายในมีหลุมฝังศพของ Henri de Rohan ด้านในวิหารใช้ปูนเปลือยค่ะ ไม่ได้ทาสีอะไร ตกแต่งแบบง่ายๆ แต่ก็ดูขลังมากทีเดียว
ด้านหน้าวิหารเซนต์ปิแอร์ |
ภายในมหาวิหารเซนต์ปิแอร์ |
วันนี้มีนักท่องเที่ยวไม่ค่อยเยอะอาจจะเพราะอากาศที่หนาวจัดจึงมีแต่กรุ๊ปเราที่เดินเล่นถ่ายรูป เก็บบรรยากาศในส่วนของเมืองเก่า
รอบๆตัวเมืองเจนีวา ในโซน Old Town |
มีการประดับธงชาติสวิสเซอแลนด์ตามอาคารต่างๆ |
มีการจัดแสดงปืนใหญ่สมัยโบราณของชาวเจนีวา |
ส่วนเมืองใหม่ ก็จะเป็นถนนแหล่งการช็อปปิ้งของกรุงเจนีวา มีห้างร้านใหญ่แบรนด์เนมดังๆ อยุ่สองข้างทางที่สำคัญเต็มไปด้วยร้านขายนาฬิกาแพงๆ หลายแบรนด์เลยคะ เค้าถึงบอกว่ามานาฬิกายี่ห้อดังๆ แพงๆล้วนเมดอินจากสวิสนี่หละคะ เห็นแววก็อยากได้สักเรือน อิอิ
เราเดินถัดไปจากเมืองใหม่ก็ติดกับทะเลสาปขนาดใหญ่ชื่อว่าทะเลสาปเจนีวา เป็นทะเลสาปน้ำจืดขนาดใหญ่ เค้าว่าอาณาเขตของทะเลสาปนี้ที่เชื่อมกับบางเมืองในประเทศฝรั่งเศสเลยนคะ แต่น่าเสียดายที่เรามาในหน้าหนาว หากมาเรามาเที่ยวตอนหน้าร้อน รอบๆทะเลสาปคงจะสวยงามมากแน่เลยคะ อีกอย่างที่ห้ามพลาดถ้าแวะมาดูทะเลสาปเจนีวาแวว นี่เลยคะสัญลักษณ์อีกอย่างของเจนีวา
เจ็ทโด (Jet d'Eau) น้ำพุที่ได้รับการยอมรับว่าสูงและมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และยังเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียงที่สุดของกรุงเจนีวา โดยน้ำพุสามารถมองเห็นได้จากทุกจุดในเมือง รวมไปถึงจากทางอากาศอีกด้วย แต่อย่างที่บอกคะ ว่าเราว่าช่วงไม่ดีเลย น้ำพุปิดอดเห็นน้ำพุเลยคะ แต่เราก็พยายามเก็บภาพบรรยากาศรอบๆ ทะเลสาปมาให้ท่านผู้ชมได้ชมกันนะคะ
เนื่องจากน้ำพุปิด เลยถ่ายรูปมาจากโปสการ์ดนะคะ |
บรรยากาศรอบทะเลสาปคะ |
ลองใช้กล้องซูมดูอีกฝากหนึ่งของทะเลสาบนะคะ |
หลังจากเดินเล่นไม่กี่ชั่วโมง เพราะลมแรงมาก หนาวยะเยือกพวกเราชาวคณะจึงตัดสินใจเข้าพิพิธภัณฑ์ ไปดูนาฬิกาชื่อดังฟิลิปป์ปาเต็กกัน เพื่อหลบหนาว มิเช่นนั้นอาจจะแข็งตายได้ แต่หน้าเสียดายภายในพิพิธภัณฑ์ห้ามถ่ายรูปคะ เราจึงได้แค่เก็บภาพความประทับใจแววได้เห็นวิวัฒนาการในการทำนาฬิกา ได้ชมนาฬิกาโบราณเรือนที่เก่าแก่ที่สุดในโลก กับได้ดูนาฬิกาหลายเรือนที่ราคาแพงมาก โดยแอบหวังว่าในชีวิตจะมีโอกาสได้ใส่กะเค้าบ้างไหม เวลาผ่านไปเร็วมากเลยคะแค่สองชั่วโมงกว่า พอออกมาข้างนอกแค่หกโมงเย็นเมืองเจนีวาก็เย็นย่ำแววอาจเป็นเพราะฤดูหนาวฟ้าจะมืดเร็ว ข้าเจ้าและชาวคณะจึงจำใจต้องลาจากเมืองเจนีวาเดินทางกลับฝรั่งเศส และหวังว่าในวันหนึ่งเราจะกลับมาเยือน เจนีวา หรือสวิสเซอแลนด์อีกครั้งในช่วงอากาศที่ดีกว่านี้นะคะ
สำหรับวันนี้ต้องลากันไปก่อน พบกับตอนต่อไปในชื่อตอนที่ว่าท่องไปในแดนกระทิงดุ Hola Spain คะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น