วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2557

เที่ยวกรุงมาดริด (Madrid) ท่องไปในแดนกระทิงดุ Hola Spain ตอนที่ 2

สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านที่รักทุกท่านนะคะ หลังจากที่แฟนคลับเรียกร้องมาว่าให้เร่งปั่นเขียนต้นฉบับเที่ยวเมืองมาดริดตอนที่ 2 เร็วๆ เพราะอยากจะรีบอ่านให้จบๆไป (เอะยังไงกัน ) ข้าเจ้าต้องเร่งจัดให้สมใจมิตรรักแฟนเพลงกันนะคะ

 สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านตอนก่อนหน้านี้ เที่ยวกรุงมาดริด (Madrid )ท่องไปในแดนกระทิงดุ Hola Spain ตอนที่ 1 http://aiyaaroundtheworld.blogspot.fr/2014/04/madrid-hola-spain-1.html


เช้าวันที่ 3
เราตื่นกันแต่เช้าเพราะวันนี้โปรแกรมแน่นเอียดทั้งวัน และเช้านี้เราจะไปลองชิมขนมขึ้นชื่อของสเปนกัน Churros เรียกกันว่าชูโฮส คล้ายกับปาท๋องโกบ้านเรานี่หละคะ ชูโฮสสารมารถกินเป็นอาหารเช้า อาหารว่าง หรือมื้อดึกก็ได้ หากินง่ายก็มีขายตามร้านค่าเฟ่ทั่วๆไปในกรุงมาดริด  แต่วันนี้เราเลือกที่จะไปชิมร้านเก่าแก่ดั้งเดิมกัน ชื่อว่าร้าน Chocolateria san gines ร้านนี้เปิดมาตั้งแต่ปี 1894 ขายชูโรสรสดั้งเดิม เสริฟพร้อมกับช็อกโกแลตร้อน รสดั้งเดิมก็จะไม่ใส่น้ำตาลโรย  หลังจากยัดกันไปคนละชุดคณะทัวร์ลงพุงคอนเฟิมว่ามันเลิศมาก อร่อยจริงๆคะ มามาดริดต้องห้ามพลาดเด็ดขาด


บรรยากาศภายในร้านแน่นไปด้วยลูกค้า


   
ชูโฮส ปาท่องโกสเปน กินกับช๊อกโกแลต

เมื่อท้องอิ่มแววก็ออกเดินทางเพื่อไปชมพระราชวังหลวงสเปน Placio Real พระราชวังนี้เป็นพระราชวังหลวงของราชวงศ์สเปน ถูกสร้างขึ้นในราวคริสตวรรษที่ 18  พื้นที่ใช้สอยภายในพระราชวังนั้นใหญ่เป็นอันดับสองของยุโรปตะวันตกเลยนะคะ มีห้องหับนับมากกว่า 3000 ห้อง แต่เปิดให้เข้าชมเพียงแค่ 50 ห้อง ปัจจุบันเปิดใช้ในงานต้อนรับแขกเมืองสำคัญ และงานพระราชพิธีสำคัญต่างๆ ส่วนปัจจุบันพระราชวงศ์ไม่ได้พำนักที่นี่นะ   เนื่องจากภายในพระราชวังห้ามถ่ายรูปเราจึงเก็บภาพอาคารด้านนอกมาให้ชมบรรยากาศกันนะคะ ที่สำคัญขอเน้นย้ำถ้าใครจะไปเยี่ยมชมพระราชวังนี้ขอให้ไปแต่เช้านะคะ เพราะคนเยอะมากข้าเจ้ารอคิวเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว รอจนเหนื่อยเลยคะ ดีนะที่คณะรองท้องมาหน่อย

ด้านหน้าพระราชวัง



เมื่อเราออกมาจากพระราชวังเราก็จะไปวิหารหลวง Catedal de Santa Maria la real de la Almudena หรือมหาวิหารอมูเดน่าจะอยู่ด้านข้างพระราชวัง มหาวิหารอมูเดน่าเป็นมหาวิหารประจำราชสำนัก ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของพระราชวังหลวง สถานที่แห่งนี้เคยจัดพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าชายฟิลิปเป้มงกุฏราชกุมารสเปนด้วย เราสามารถเยี่ยมเข้าชมได้ฟรี แต่อาจจะทำบุญภายในโบสถ์แววแต่จิตศรัทธาคะ


ด้านหน้ามหาวิหาร

ด้านข้างวิหารถ้ายจากมุมด้านหน้าพระราชวัง

เดินออกจากวิหาร และเราก็จะเดินย้อนผ่านพระราชวังไปเที่ยว Plaza de Oriente จะอยู่ด้านข้างพระราชวังที่นี่จะมีอนุเสารวรีย์ของพระเจ้าฟิลิปที่ 4 พร้อมกับมีสวนเล็กๆ พอร่มรื่น

อนุเสาวรีย์พระเจ้าฟิลิปที่ 4 ด้านข้างพระราชวังหลวง


หลังจากแวะถ่ายรูปสักพักเราก็เดินลุยกันต่อจนไปถึงแยก Plaza Espana เป็นจัตุรัสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในมาดริด อีกทั้งมีส่วนหย่อมขนาดใหญ่ที่ีนี่อีกด้านหนึงในสวนจะมีอนุเสาวรีย์ Miguel de Cervante ผู้ประพันธ์นวนิยายอันโด่งดังเรื่อง Don Quix de la Moncha จะเห็นว่ามีแต่คนมารอคิวเพื่อปีนไปถ่ายรูปมาก


อนุเสาวรีย์ผู้ประพันธ์นวนิยายอันโด่งดัง

นักท่องเที่ยวปีนเพื่อไปถ่ายรูปคู่


จากนั้นเราก็จะเดินกันต่อเพื่อไปดูจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินในสวน Templo de Debod
วัดเดบอด มีอายุเก่าแกกว่า 2200 ปี ยกมาจากอียิปต์ทั้งดุ้น โดยเป็นของขวัญที่ประเทศอียิปต์มอบให้สเปนในปี 1968 ที่สเปนไปช่วยเหลืออียิปต์ บริเวณวัดเดบอด จะมีสวนสาธารณะที่ร่มรื่นและตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ ทำให้กลายเป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกจุดของมาดริด จากจุดนี้สามารถมองเห็นด้านข้างของพระราชวังหลวง และ Casa de Campo ซึ่งเป็นบริเวณป่าๆทุ่งๆ ของมาดริดได้ เหมาะกับการเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจตอนเย็นๆ มาชมพระอาทิตย์ตกดินสวยๆ



วัดเดบอด


ณ จุดนี้สามารถมองเห็นวิวพระราชวังหลวง
อยู่รอบวัดนี้จนเย็นย่ำ วันนี้เป็นคืนวันเสาร์โชคดีของชาวคณะ เพราะคืนนี้จะมีบอลแมชนัดสำคัญของชาวสเปน ก็คือแมชระหว่างทีม Real Madrid กับบาเซโลน่า โดยคืนนี้จะเราจะลองเข้าไปดื่มเบียร์ในบาร์ของชาวมาดริดเพื่อไปดูบอลกัน จากที่เดินหาร้านหลายๆร้านพบว่าทุกร้านแน่นไปหมด เป็นที่คึกคักกันมากของชาวมาดริด อยากที่เคยบอกไปแล้วว่าชาวสเปนจะกินข้าวเย็นกันดึก ช่วงทุ่มถึงสามทุ่มกว่าๆนี้ชาวมาดริดจะนั่งดื่มเบียร์ กินทาปาสในบาร์ คาเฟ่ทั่วไป โดยบรรยากาศน่าสนุกทีเดียว แต่เสียดายที่ชะนีแคระไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับบอลจึงไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมแต่การจิบเบียร์และกินทาปาสไปพลางๆก็เลิศไม่น้อยที่สำคัญร้านนี้สั่งเบียร์หรือเครื่องดื่มหนึ่งอย่างแถมทาปาสจานเล็กๆฟรีคะ เข้าทางขุ่นแม่พอดี 555



บรรยากาศในค่าเฟ ร้านอาหารคราคร่ำไปด้วยชาวมาดริดที่รอดูชมบอลแมชสำคัญ

ทาปาสแจกฟรี ถ้าสั่งเครื่องดื่ม 1 ดิ้ง

ชาวมาดริด และนักท่องเที่ยวเชียร์บอลกันสนุกเลยคะ


เช้าวันที่ 4
ตลาดนัด EL Rasta
ช่วงเวลาสายๆของวันอาทิตย์เราจะไปเดินช็อปปิงกันที่ตลาดนัดนี้ ซึ่งเป็นตลาดนัดที่มีชื่อเสียงของมาดริด จะมีเฉพาะช่วงสายๆไปถึงบ่ายๆวันอาทิตย์เท่านั้น ที่นี่มีของขายหลากหลายให้เลือกซื้อหามากมายเรียกง่ายๆว่ามีตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ มีสินค้าพื้นเมือง เครื่องใช้เก่าๆ มาขายในราคาย่อมเยาว์อีกด้วย

คนเยอะมากๆ

ตลาดนัด

เราใช้เวลาเลือกซื้อของฝากที่ระลึกกันจนกระทั่งบ่ายเราก็ออกเดินทางไปที่ Plaza de Toros  ที่นี่เป็นลานสู้วัวกระทิงระหว่างมาทาดอร์กับวัวกระทิง  ถ้าหากมาธาดอร์สู้แววแพ้เจ้าวัวกระทิงที่ชนะก็จะถูกรอดจากการนำไปเชือด ส่วนตัวไหนโชคร้ายพ่ายแพ้ก็ถูกนำไปฆ่า ตอนนี้หลายประเทศในยุโรปได้ออกกฏหมายห้ามกีฬาประเภทนี้แล้วเพราะมันโหดร้ายทารุณสัตว์เกินไป แต่สำหรับชาวสเปนมันเป็นกีฬาแห่งความท้าทาย และพิสูจน์ความเป็นลูกผู้ชายตัวจริง ร่ายยาวมาทั้งหมดนี้ชาวคณะเห็นพ้องต้องกันแล้วว่าถ้าหากเราเข้าไปดูก็เหมือนเป็นการสนับสนุนให้ฆ่าสัตว์ ดังนั้นเราจึงทำได้แค่ถ่ายรูปอยุ่รอบสเตเดียมแห่งนี้คะ



ภายนอกสนามแข่งสู้วัวกระทิง

วันนี้มีการแข่งจะประดับธงรอบสเตเดียมเลยคะ

หลังจากเยี่ยมชมเสร็จแวว เราก็นั่งเมโทรออกมานอกเมืองหน่อยนะคะ เพื่อจะไปเยี่ยมชมสนามฟุตบอลของทีม Real Madrid โดยสนามแห่งนี้ชื่อว่า Estadio Santiago Bernabéu แต่ค่าเข้าชมข้างในสนามราคาตั้ง 22 ยูโรต่อ 1 ใบ พวกเราจึงขอชมและถ่ายรูปด้านนอกแล้วกัน

สนามฟุตบอลทีมเรียลมาดริด

ช็อปขายของที่ระลึกของทีมฟุตบอลเรียลมาดริด


วันที่ 5 เราเดินทางไปเมือง Toledo ซึ่งจะนำมาเล่าในตอนหน้านะคะ

วันที่ 6
สำหรับวันสุดท้ายในมาดริด  เราใช้เวลาว่างครึ่งวันเดินเล่นเก็บตกสถานที่ต่างๆที่น่าสนใจ ซึ่งพวกเราเลือกที่เข้าชมพิพิธภัณฑ์ MUSEO THYSSEN BORNEMISZA ซึงในพิพิธภัณฑ์นี้มีภาพวาดงานศิลปะที่ถูกรวบรวมมาจากทั่วทุกมุมโลกที่คนในตระกูล Thyssen Bornemisza รวบรวมไว้หลายชั่วคน หากสนใจและก็มีเวลาเหลือก็รองแวะเข้าชมกันได้



ในความรู้สึกของชะนีแคระนั้นรู้สึกประทับใจหลายๆอย่างในการมาท่องเที่ยวมาดริดครั้งนี้ ชาวสเปนส่วนใหญ่เป็นคนน่ารัก สนุกสนาน และอัธยาศัยดีแม้จะมีอุปสรรคในการสื่อสารบ้าง เพราะคนส่วนใหญ่ในมาดริดพูดภาษาอังกฤษได้น้อย แต่ก็พยายามใช้มือใช้ไม้สื่อสารช่วยนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที  อีกอย่างที่ชอบมากๆก็คืออาหารการกินที่มาดริดนี่รสชาติถูกปากคนไทยอย่างเรามาก เพราะอาหารอาจจะรสจัด เผ็ดร้อนกว่าอาหารฝรั่งเศสจึงทำให้ข้าเจ้าเจริญอาหารเป็นพิเศษจบทริปนี้ข้าเจ้าน้ำหนักขึ้นหลายกิโลเลยคะ เฮ้อสุดท้ายแล้วไม่มีงานเลี้ยงใดไม่มีการเลิกลาต่างคนต่างก็ต้องเดินทางกลับบ้านโดยหวังว่าวันหนึ่งจะข้าเจ้าจะได้เดินทางกลับมาเยี่ยมชาวสเปนกันอีกครั้ง


สำหรับวันนี้ต้องขอขอบคุณแฟนๆกันอีกครั้งที่ติดตามผลงานกันสำหรับตอนหน้าพบกันในชื่่อตอนว่า Toledo เมืองหลวงเก่าสเปนที่โลกไม่ลืมคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น