วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ตะลอนทัวร์ Normandie episode 4 Etretat


สวัสดีท่านผุ้อ่านกันอีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายไปนานเนื่องจากข้าเจ้าติดภาระกิจฟิชโช่อีกแล้ว ก็คือข้าเจ้าติดสอบนะเอง วันนี้หลังปิดเทอมแล้วข้าเจ้าก็มีเวลาลุกขึ้นมาเขียนบันทึกการเดินทางกันอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้คงจะเป็นตอนสุดท้ายของการเดินทางมาเที่ยวในมลรัฐนอมังดี ซึ่งหลายคนบ่นว่ายังไม่จบอีกเหรอ จบแววจ้าตอนนี้หละจ้า เพื่อไม่เสียเวลาเราไปเที่ยวเมืองเอตโทรต้า Etretat กันเลย

*********************************************************************************
เมืองเอตโทรต้า  Etretat เป็นเมืองที่ทะเลถูกล้อมรอบด้วยหน้าผาสูงชันที่สวยงามตามธรรมชาติราวภาพวาด จึงไม่แปลกใจเลยที่เอตโตรต้าเป็นแรงบันดาลใจให้เหล่่าจิตรกรที่มีชื่อเสียงไม่ว่าจะเป้น Claude Monet ,Gustave Courbetซึ่งเป็นจิตกรที่มีชื่อเสียงในช่วงคริสตวรรษที่ 17  ต่างก็มาสร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะที้มีชื่อเสียงจนถึงทุกวันนี้ นอกจากจะเป็นเมืองที่มีความงามเกี่ยวกับธรรมชาติแล้ว เอตโทรต้ายังมีซากของสงครามโลกครั้งที่สองให้ได้เห็น  เนื่องจากเอตโทรต้าเป็นจุดยุทธศาสตร์เป็นฐานทัพนาซี ที่คอยป้องกันการโจมตีจากฝ่่่ายสัมพันธมิตรทั้งทางน้ำ และทางอากาศ ณ จุดนี้เราสามารถมองเห็นเกาะบริเตรน (อังกฤษ)อยู่ลิบๆ หลังจากที่รุ้ข้อมูลคราวๆเราก็เริ่มการเดินทางไปกับชะนีแคระหัวใจอินเตอร์กันเลยค้า
   
วันนี้เราเริ่มต้นการเดินทางด้วยบรรยากาศเป็นใจ ท้องฟ้าเปิด เรามาถึงเอตโทรต้าไม่สาย เราก็เลยมีเวลาเดินดูข้าวของที่ระลึกในตัวเมืองกัน และก็แวะซื้อเสบียงเล็กน้อยก่อนเดินขึ้นหน้าผาชมความงาม สิ่งหนึ่งจะถือว่าเป็นกิจวัตรประจำของข้าเจ้าเลยก็ว่าได้ เวลาเดินทางไปเมืองไหนก็แล้วแต่ ข้าเจ้าจะต้องทำการซื้อโปสการ์ด แล้วก็เขียนข้อความส่งกลับไปหาตัวเองที่บ้าน พ่อแม่ และเพื่อนทุกครั้ง ดังนั้นข้าเจ้าจึงใช้เวลานานนับครึ่งชม.  ในเการเลือกโปสการ์ด  และที่เมื่องนี้ก็จะมีร้านรวงขายของที่ระลึก ร้านอาหารต่างๆมากมายเพราะที่นี่นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ หลังจากที่แวะกินอาหารรองท้อง ซื้อเครื่องดี่ม โปสการ์ดเสร็จเรียบร้อยเราก้เตรียมตัวเดินขึ้นหน้าผากัน


ภาพวิวตัวเมืองเอตโทรต้าจากมุมสูง

กำลังเป็นนางเอกมิวสิค

จุดชมวิว



หน้าผา


 คุณผุ้อ่านอยากบอกว่าในการเดินขึ้นเขามาเพื่อที่จะมาชมความงามของเอตโทรต้าทำเอาข้าเจ้าหอบแฮก เหนื่อยมากขอบอก เพราะความที่เราเดินขึ้นเขามาเนี่ย ข้าเจ้ามีอาการวิ้งหูตลอด ยิ่งสูงยิ่งวิ้งมาก แต่หลังจากที่ข้าเจ้าบ่นโอดโอยตลอดทาง พอขึ้นมาเห็นวิวด้านบนของหน้าผาแววนี่ ขอบอกไอ้ความเหนื่อยที่เดินขึ้นมาเมื่อกี้ มลายหายไปหมด คุ้มจริงๆกับการเดินขึ้นมาหลายกิโล มันเหมือนว่าเราอยุ่บนสรวรรค์ อาจจะดุเว่อ แต่จริงวันที่เราเห็นท้องฟ้าที่ฟ้าสวยตัดกับผืนน้ำทะเลสีคราม แล้วหน้าผาสูงชันที่ตั้งตระหงานทอดตัวลงไปในท้องทะเล มันเหมือกับภาพวาดที่จิตกรเอกของโลกมาสร้างสรรค์ไว้ เพี่ยงแต่ว่ามันเป็นภาพวาดที่มีชีวิตนั่นเอง ข้าเจ้าเห้นแววทำให้ข้าเจ้ากับคิดว่านี่หละความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ แล้วเราเป้นเพียงมนุษย์ตัวเล็กๆไฉนเลยจะกล้าต่อกรกับธรรมชาติอันแสนยิ่งใหญ่ได้ หลังจากที่เรามาถึงยอดผาข้าเจ้าก็ทำการกดชัตเตอร์ เก็บภาพถ่่าย และก็ทำตัวเองเป็นนางแบบ ซึ่งได้ข่าววว่่าก่อนหน้านี้แทบจะหมดแรง แต่พอได้เห็นกล้องดิฉันจะกระโดดเอ็กท่าทันที่ ข้าเจ้าไม่เคยเหนื่อยกับการถ่่ายรูป 555 พี่ฝรั่งเศสก็จะงงเล็กน้อย พร้อมกับหัวเราะในการบ้าถ่ายรุปของชะนีแคระ แต่ข้าเจ้าก็หาได้อายไม่  หลังจากที่เราเก็บภาพวิวบนหน้าผา นั่งพักชมวิวพอให้หายเหนื่อย เพื่อเป็นการไม่เสียเวลาเราก็หยิบโปสการ์ดขึ้นมาเขียนด้วย พอหายเหนื่อย เราก็เดินเล่นบนหน้าผากันต่อสำรวจพื้นที่ไปด้วย บนหน้าผ้า เราก็จะเห็นซากบังเกอร์ของทหารเยอรมันซึ่งซ่อนอยุ่ตามจุดต่างๆ และก็ตอนนี้เนื่องจากเป็นช่วงน้ำทะเลลงข้าเจ้าจึงทำการเสี่ยงตายเดินลัดเลาะหน้าผาไต่บันไดลงไปด้านล่างหาดเพื่อเก็บภาพมาให้ท่านผุ้อ่่านได้ชมกัน สำหรับข้าเจ้าแอบเสียวเล็กน้อยตอนปีนลงบันได แต่ก็เพราะความอยากเก็บภาพริงไซค์ ทำให้เข้าเจ้าตะเกียกตะกายปีนลงมาจนได้ ถ่ายรูปสักพักใหญ่ เพื่อนหันมาบอกไปกลับขึ้นข้างบนได้แหละ โฮ ลงก็ว่าแย่นี่ต้องปีนกลับขึ้นไปอีก แล้วตรูจะลงมาทำไมเนี่ยครับพี่น้อง




ภาพวิวสวยยามเย็น

ภาพถ่ายด้านล่างที่ข้าเจ้าปีนบันไดลิงลงมาถ่่าย


 หลังจากที่เราเดินเล่นอยุ่นานบนหน้าผาจนพระอาทิตย์ใกล้จะตก ทำให้เรารุ้ว่าเราใช้เวลากับที่นี่นานมาก อย่างว่าความสุขมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องกลับบ้าน กลับมาเผชิญความจริงของชีวิตกันอีกครั้งสำหรับความคิดของข้าเจ้าประทับใจหลายๆสิ่งในทริปเที่ยวนอมังดีครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นความงามของธรรมชาติ ความอบอุ่นและมิตรไมตรีของชาวฝรั่งเศสที่เราจะหาได้ยากในเมืองใหญ่อย่างปารีส พร้อมกับวัฒนธรรมของท้องถิ้นและก็อาหาร นอมังดีจึงเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวอีกทางเลือกหนึ่งของนักทอ่งเที่ยวสำหรับวันหยุดยาว ข้าเจ้าหวังว่่าบันทึกการเดินทางครั้งนี้คงจะเป็นแรงบันดาลใจ ประโยชน์และแหล่งข้อมูลสำหรับพี่ๆ เพื่อนๆมิตรรักแฟนเพลงทุกคนนะคะ สำหรับวันนี้ข้าเจ้าขอลาไปก่อน ขอบคุณสำหรับการติดตาม แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้า  เมื่อชะนีแคระทำตัวไฮโซบุกไปเล่นสกี ทำตัวชิวชิวที่สวิตเซอร์แลน และ เยือนเมือง Annecy เวนิสแห่งเทือกเขาแอลป์กันนะคะ



วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ตะลอนทัวร์ Normandie episode 3 Honfleur

หลังจากที่ข้าเจ้าอยุ่ในภาวะเครียดอยุ่หลายวันกับการลุ้นผลสอบ ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่าแกเครียดเป็นด้วยเหรอ 555 ใช่ฮะข้าเจ้าเครียดๆ  ซึ่งเป็นเหตุให้ข้าเจ้าไม่ได้ทำอะไรเยยนอกจากกิน เที่ยวและนอน (มันมิใช่เครียดแววแต่มันคือคนเกียจคร้านนั่นเอง) และแล้ววันนี้ก็มาถึงเมื่อได้เห็นผลสอบของตัวเองแววก็อยากกรีดร้อง ว่าไหนที่สุดอาจารย์ก็เมตตตาหรือว่าแกคงอาจจะงงกับภาษาฝรั่งเศสเพี้ยนๆของข้าเจ้า คะแนนก็ออกมาดีเกินคาดจริงๆ  ว่าแล้วข้าเจ้าจึงลุกขึ้นมาดี้ด๊ามีแรงมาเล่าเรื่องราวการท่องเที่ยวขอตัวเองอีกครั้ง หลังจากที่มีแฟนเพจได้ส่งข้อความว่ารอติดตามผลงานของข้าเจ้าอยู่ ( มีด้วยเหรอ แกจ้างมาหรือเปล่า)ทำให้ข้าเจ้าต้องลุกขึ้นมาจากปลัก และก็มาทำการเล่าเรื่องบันทึกการเดินทางกันต่อกับเมืองอองเฟลอกัน
      
  Honfleur เมืองอองเฟลอ อยุ่ไมไกลจากเมืองทรุฟวิว เราใช้เวลาเดินทางไม่นาน ถ้าขับรถนี้ก็จะประมาณ 40 นาทีก็ถึง ซึ่งเมืองอองเฟลอเป็นเมืองเล็กๆ น่ารักๆ มีกลิ่นอายวิถีชีวิตของชาวฝรั่งเศส เป็นเมืองสวยงามดูอบอุ่นชวนฝันว่างั้นจริงๆ และที่สำคัญเปฺ็นเมืองที่ถ้าใครได้เดินทางมานอมังดีแวว ต้องแวะอองเฟลอไม่มานี่ถือว่าไม่ถึงนอมังดี จะว่าไปอองเฟลอนีเป็นเมืองที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติ  และรวมถึงชาวฝรั่งเศสเองไม่น้อยที่จะต้องแวะมาเยี่ยมเยี่ยนกัน  วันนี้ข้าจ้าไม่ได้พาเที่ยวเฉยๆนะแต่วันนี้ข้าเจ้าจะพาท่านผู้อ่านได้เดินทางตามรอยละครดังกันประหนึ่งตามรอยซีรีย์ดังจากแดนเกาหู ไม่ใช่ เกาหลีกัน  วันนี้เราจะมาตามกลิ่นพี่ติ๊กเจษฏา กับกองละครแก้วตาพี่ (โฮ เก่ามากบ่งบอกอายุของคนเขียน 555) ถ้าใครที่ได้มีโอกาสเคยได้ดุละครเรื่องนี้ ก็จะมีหลายซีนหลายฉากที่เกี่ยวกับตัวเมือง วิวทิวทัศน์ ความสวยงามของอองเฟลอซึ่งการันตีได้ว่าสวยงามจริงๆ

บรรยากาศรอบตัวเมือง



ใจกลางเมืองอองเฟลอ



ก้าวแรกที่มาถึงเมืองนี้ก็ประมาณเกือบเที่ยงแวว ผุ้คนเยอะมากเพราะเป็นวันหยุดยาวของชาวฝรั่งเศส พี่ฝรั่งเศสก็จะจูงลูกเด็กเล็กแดงมาเที่ยวกัน แต่ข้าเจ้าก็พยายามที่จะเก็บบรรยากาศของตัวเมืองมาให้ได้ชม  ซึ่งไฮไล์สำคัญของที่นี่ก็คือตัวตึกบ้านร้านค้าต่างๆ นี่จะเป็นบ้านที่มีแค่ผนังติดกันซึ่งเป็นทีอเมซิ่งของชาวฝรั่งเศส ไม่ว่าใครไปใครมาต้องมาถ้ายรูปเก็บไว้ ถ้าพี่ฝรั่งเศสมาดูเทาเฮ้าส์บ้านเราก็จะบอกว่า โฮว อะเมซซิ่งไทยแลนด์ บ้านติดกันไม่มีรั้วมีแค่ผนังก้างกันระหว่างเราสอง มันช่างเป็นอะไรที่มหัศจรรย์จริงๆ555 อีกอย่างที่อองเฟลอ เมื่อร้อยกว่าปีก่อนประชากรส่วนใหญ่ก็จะมีอาชีพประมงเป็นหลัก ซึ่งเราจะเห็นเรือที่จอดตามท่าเรือมากมาย เค้าว่ากันว่าสมัยสงครามโลก ทหารเรือฝรั่งเศสส่วนใหญ่ก็เป็นชาวบ้านชาวอองเฟรอนี่ละค้า พูดง่ายๆว่าพอรบเสร็จแกก็ออกมาจับปลาต่อว่างั้นเถอะ  แต่หลังจากที่เมืองอองเฟลอถุกพัฒนากลายมาเป็นเมืองท่องเที่ยวก็จะมีร้านรวงต่างๆมากมาย และแต่ละร้านก็ตกแต่งน่ารักสไตล์นอมังดี  อีกอย่างที่สังเกตเห็นก็คือที่เมืองนี้จะมีร้านแกลอรี่ หรือเกี่ยวกับพวกศิลปะ ปฏิมากรรมเยอะมาก หลังจากที่เราได้มีโอกาสได้สอบถามกูรูเค้าอธิบายว่าเมื่อสมัยก่อนนี้ อองเฟลอเป็นเมืองที่สวยงาม เหล่าจิตกรที่มีชื่อเสียงมากมายได้เดินทางมาวาดภาพวาดเกี่ยวกับความงามของวิธีชีวิต ธรรมชาติ และชุมนุมพบปะกันที่นี่ดังนั้นเราจึงได้เห็นแกลเลอรี่มากมายที่อองเฟลอกัน 

ภายในร้านขายไวน์

ถังไวน์แอ็ปเปิล

บรรยากาศยามตะวันลับฟ้า

หลังจากที่เดินเที่ยวอยุ่ในอองเฟลอหลายชั่วโมงก็ถึงเวลาการชอปปิ้งของฝากก่อนกลับ สินค้าโอท๊อปที่ขึ้นหน้าขึ้นตาของชาวอองเฟลอก็คือไวน์ แต่ไวน์ที่มีชื่อเสียงของอองเฟลอก็คือไวน์แอปเปิลซึ่งจะแปลกกว่าที่อื่น สาเหตุก็คือนอมังดีเป็นแหล่งปลุกแอ๊ปเปิ้ลที่ใหญ่ทีสุดของฝรั่งเศสนะ ช่วงที่ขับรถผ่านมาระหว่างทรูฟวิวก่อนจะถึงอองเฟรอเราจะเห็นไร่แอ๊ปเปิลมากมาย เค้าปลุกกันเป็นไร่ๆ  ดังนั้นไวน์แอ๊ปเปิล หรือน้ำแอ็ปเปิล รวมถึงผลิตภัณท์แปรรุปอื่นๆที่เกี่ยวกับแอ๊ปเปิลก็จะค่อนข้างมีรสชาติดีและมีคุณภาพ ดังนั้นเราจึงตรงเข้าร้านไวน์ ซัดไวน์แอ๊ปเปิลไป 3 ขวดเป็นของฝากกลับบ้านกัน ซึ่งราคาก็ไม่แพงตกขวดละ 10 กว่ายูโรเอง แต่ก่อนที่จะออกจากร้านข้าเจ้าชิมไวน์ไปหลายแก้ว จนเริ่มมึนๆ เพราะข้าเจ้าไม่ใช่แค่ชิมแต่ข้าเจ้าเอาอิ่มคะ

 ขอบคุณนะคะสำหรับการติดตามพบกันต่อในตอนหน้าวันนี้ลาละค้า