วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557

เที่ยวสิงคโปร์ (Singapore)แวะเยี่ยมพี่เมอร์ไลออนกัน

สวัสดีคะท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน วันนี้ชะนีแคระจะพาทุกท่านไปเที่ยวประเทศในกลุ่มอาเซียน ประเทศเพื่อนบ้านเรานี่หละ เราจะไปสิงคโปร์กัน และทริปการเดินทางไปเที่ยวสิงคโปร์ครั้งนี้เกิดขึ้นจากการที่ชะนีแคระเดินทางกลับเมืองไทยเป็นเวลา 1 เดือน เรามีเวลาหลายวันเลยคิดจะแวะไปเยี่ยมเพื่อนที่สิงคโปร์สักหน่อย  เพราะเมื่อ 4 ปีก่อนเคยได้จองตั๋วไปแล้วแต่ติดธุระกระทันหันเลยต้องทิ้งตั๋วไม่ได้ไปเหยียบสิงคโปร์สักที  วันนี้ฤกษ์งามยามดีเราบินลัดฟ้าไปสิงคโปร์ แวะเยี่ยมพี่เมอร์ไลออนกันคะ






 สิงคโปร์ (Singapore)เป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกประเทศอาเซียน ประเทศเพื่อนบ้านเรานี่หละคะ ชาวสิงคโปร์ค่อนข้างผสมผสานไปด้วยหลากหลายเชื้อชาติ จีน มลายู อินเดีย ดังนั้นวัฒนธรรมที่นี่ค่อนข้างหลากหลาย และที่สำคัญครั้งหนึ่งสิงคโปร์เคยเป็นอาณานิคมเก่าของประเทศอังกฤษคะ ชาวสิงคโปร์พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง ดังนั้นการมาท่องเที่ยวสำหรับชาวไทยไม่ลำบากแน่นอนในเรื่องของภาษา และการเดินทางสำหรับคนไทยไปเที่ยวสิงคโปร์ไม่จำเป็นต้องขอวีซ่านะคะหากเราพำนักไม่เกิน 30 วัน  หากคุณถือพาสปอร์ตสัญชาติไทยก็สามารถเดินทางเข้าประเทศสิงคโปร์ได้แล้วคะ แต่ย้ำอีกนิดนะคะ สิ่งต้องห้ามเมื่อเข้าสิงคโปร์คือ 1 ยาเสพย์ติด คุณอาจมีโทษตายสถานเดียวคะที่นี่ 2 ห้ามพกหมากฝรั่งคะ โดยเฉพาะการเคี้ยวหมากฝรั่งแล้วถุยทิ้งที่ถนน อาจจะต้องถูกจับและปรับได้ทีเดียว  ส่วนอากาศก็ค่อนข้างร้อนคะ ร้อนกว่าบ้านเราสัก 38-39 องศาได้ สามารถใส่เสื้อแขนกุด ขาสั้นได้สบายมากคะ เมื่อรู้ข้อมูลคร่าวๆเราก็พร้อมเดินทางไปท่องเที่ยวกับชะนีแคระเลยคะ

เช้าวันที่ 1
จากกำหนดการเราออกเดินทางในวันที่ 22 -25 พค.2514 เราจะอยุ่ที่สิงคโปร์ 3 คืน 4 วัน เราออกบินตั้งแต่เวลา 8 นาฬิกาในวันที่ 22 พค. ทริปนี้เริ่มแรกก็เกือบจะตกไฟล์บินเนื่องจากชะนีแคระดันลืมของสำคัญไว้ทีโรงแรมต้องให้พี่แท็กซี่วกรถกลับไปเอา เล่นเอาแบบฉุกละหุกกันทีเดียว แต่กระนั้นเราก็บินมาถึงสิงคโปร์จนได้ ใช้เวลาเดินทางแค่ 2 ชม.กว่าก็มาถึงสิงคโปร์  เวลาที่สิงคโปร์จะช้ากว่าบ้านเรา 1 ชม. ดังนั้นเรามาถึงสนามบินชางฮีราวๆ 11 โมงเช้า ส่วนการเดินทางจากสนามบินชางฮีมาที่ตัวเมืองสิงคโปร์นั้นไม่ยาก เราสามารถใช้บริการรถไฟใต้ดิน MRT กับรถแท็กซี่ ซึ่งวันนี้ชะนีแคระขอทำตัวสบายๆนิดหนึงเราใช้บริการพี่แท็กซี่ ไปส่งที่พัก ซึ่งตลอดทั้งทริปเราได้รับความอนุเคราะห์จากเพื่อนชาวสิงคโปร์ให้ที่พักฟรีตลอดทั้ง 4 วันประหยัดไปได้เยอะเลยคะ ที่พักอยุ่ใกล้กับย่านไชนาทาวน์ ราคาแท็กซี่จากสนามบิน มาถึงใกล้ๆ ไชนาทาทาวน์ ประมาณ 23 ดอลล่าสิงคโปร์ (1 SGD ประมาณ 25 บาท)

สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวภายในสิงคโปร์นั้น ชะนีแคระเดินทางโดยใช้รถไฟใต้ดิน MRT เป็นหลัก เพราะสะดวก รวดเร็วและประหยัดดี ส่วนการซื้อตั๋วรถไฟใต้ดินนั้น ชะนีแคระขอแนะนำให้ซื้อแบบบัตร EZ-ling ซึ่งเราสามารถซื้อได้ตามเค้าเตอร์ขายบัตรในรถไฟใต้ดินทั่วไป ซึ่งราคาจะตก 12 SGD โดยแบ่งเป็นค่าบัตร 5 SGD ค่าเดินทาง 7 SGD เวลาเงินหมดก็สามารถเติมเงินได้ที่ตู้เติมเงินอัตโนมัติ สะดวกดีแถมเวลาก่อนจะกลับเราคืนบัตรก็ได้เงินคืน 3 SGDด้วยนะคะ ซึ่งตลอดทั้งทริป 4 วันชะนีแคระเติมเงินเพิ่มไปแค่ 10 SGD เองคะ แถมเจ้าบัตรนี้ยังใช้ได้ทั้งกับรถไฟใต้ดิน และรถเมล์ด้วย

บัตร EZ ling เป็นบัตรเติมเงิน
ตู้เติมเงินอัตโนมัติ
แผนผับแสดงเส้นทางรถไฟใต้ดินสายต่างๆ

หลังจากเข้าที่พักเก็บข้าวของเราก็พร้อมออกซิ่งกันได้เลยโดยโปรแกรมวันแรกนี้เราจะเที่ยวอย่างสบายๆ
สถานที่แรก ที่เราจะไปเยือนก็คือ
1.ย่าน Chainatown  ซึ่งย่านนี้ก็จะเป็นย่านของชาวจีนอาศัยเป็นส่วนใหญ่ ดูไปก็คล้ายๆถนนเยาวราชบ้านเรา แต่ที่นี่เค้าจะอนุรักษ์บ้านช่องแบบโบราณ และทาสีตกแต่งอาคารให้มีสีสันสดใสดูใหม่เสมอพร้อมประดับโคมไฟสีเหลืองแดงดูแววมีมนต์เสนห์สวยงามไปอีกแบบนะคะ ในย่านนี้จะมีข้าวของขายมากมาย ทั้งเครื่องประดับ ของฝาก อาหารจีน ของที่ระลึก ถ้าสนใจก็ลองแวะไปชมกันได้นะ


แหล่งช็อปปิ้งย่านไชน่าทาวน์


อาคารบ้านเรือนสีสันสดใส




 เราเดินเล่นในย่านไชน่าทาวน์ก็พบกับวัดศรีมรัมมาน (Sri mariaman)  วัดนี้เป็นวัดของศาสนาฮินดูที่เก่าแก่ที่สุดในสิงคโปร์  การเข้าชมวัดนี้ไม่เสียค่าเข้านะคะ แต่ถ้าจะถ่ายรูปต้องจ่ายค่าถ่ายรูป รวมถึงต้องถอดรองเท้าไว้ข้างนอก ห้ามใส่รองเท้าเข้าชมภายในวัดคะ


 



และมาถึงไฮไลสำคัญในย่านไชน่าทาวน์ ชะนีแคระตั้งใจเดินทางมาไหว้พระขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลของทริปนี้กัน ฺ วัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha tooth Relic Temple) วัดนี้เป็นวัดพระพุทธศาสนาที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว หรือฟันของพระพุทธเจ้า ซึ่งภายในวัดก็จะมีจัดพิพิธภัณธ์ทางพระพุทธศาสนาด้วย มีข้อแนะนำนิดนึงสำหรับคุณสาวๆ ว่าเวลาเข้ามาภายในวัดต้องแต่งตัวให้มิดชิดเรียบร้อย ห้ามใส่สั้นไม่งั้นทางวัดจะไม่อนุญาตให้เข้าไปภายในวัด แต่ทางวัดเองก็มีผ้าถุงไว้คอยอำนวยความสะดวกสำหรับสาวๆที่นุ่งสั้นไว้บริการด้วย 

ด้านนอกวัดพระเขี้ยวแก้ว



ภายในวัดพระเขี้ยวแก้ว

2.  Clarke quay ย่านคลาร์ก คีย์ ย่านนี้เมื่อสมัยร้อยกว่าปีก่อน เป็นท่าเทียบเรือเก่าแก่ที่ใช้ไว้ขนส่งสินค้าทั้งมาจากทางตะวันออกและตะวันตก แถบนี้จะเต็มไปด้วยโกดังสินค้าต่างๆ  แต่ปัจจุบันนี้ถูกพัฒนากลายมาเป็นแหล่งร้านอาหาร ผับ บาร์ย่านท่องเที่ยวของชาวสิงคโปร์เองและเป็นแหล่งท่องเที่ยวต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งกลางวันและกลางคืน ชะนีแคระก็เดินเล่นเก็บภาพบรรยากาศสวยๆ ในย่านคลาร์ก คีย์ มาฝากท่านผู้อ่านกัน แต่เรามาในช่วงกลางวันอาจจะดูสงบๆ ไม่ค่อยครึกครื้นเหมือนตอนกลางคืน หากท่านผู้อ่านอยากเห็นแสงสียามกลางคืนก็แวะมาตอนหัวค่ำ เพราะบรรดาร้านอาหารรอบๆอ่าวจะพากันเปิดไฟสวยงามไปอีกแบบ  เค้าว่ากันว่าถ้ามาทานอาหารย่านนี้หละก็อย่าลืมพลาดเมนูดัง มาทานปูกันนะคะ


ย่านคาลร์กคีย์ ตึกข้างหลังส่วนใหญ่เป็นพวกแบงค์ แหล่งการเงินสำคัญของสิงคโปร์

สองฝั่งแม่น้ำเต็มไปด้วยร้านอาหาร

ประติมากรรมรอบๆย่านคลาร์กคีย์


ประติมากรรมรอบๆย่านคลาร์กคีย์

ภายในย่านนี้จะมีพิพิธภัณฑ์ Asian Civilsations Museum ซึ่งภายในก็จะจัดแสดงเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะวัฒนธรรมความเป็นอยุ่ของชาวสิงคโปร์  หากใครสนใจก็ลองแวะมาชมกันนะคะ

ด้านนอกพิพิธภัณธ์ 

ซึ่งจุดนี้เราจะเดินไปเรื่อยๆเพื่อไปเยี่ยมและถ่ายรูปกับมาสคอตของสิงคโปร์กัน ก็คือพี่เมอร์ไลออนในตำนาน จากตรงคลาร์ก คีย์เราเดินลัดเลาะไปไม่ไกลเราก็เดินมาถึง 3. Marina Bay  อ่าวมาริน่า คืออ่าวที่ติดกับศูนย์กลางแหล่งธุรกิจสำคัญของสิงคโปร์มากที่สุด ย่านนี้ก็จะเป็นจุดภูมิทัศน์ที่สวยงามและก็เป็นที่ตั้งของเจ้ามาสคอต์ Merlion กันด้วย โดยตัวเมอร์ไลออน ท่อนบนจะเป็นสิงโต แต่ท่อนล่างเป็นปลา เค้าว่าถ้ามาสิงคโปร์แล้วไม่ได้ถ่ายรูปกับพี่เมอร์ไลออนเหมือนมาไม่ถึงสิงคโปร์นะคะ



พี่เมอร์ไลออนพ่นน้ำสัญลักษณ์ของสิงคโปร์


ตึก Marina bay sands


เรือล่องพาชมรอบๆอ่าวมาริน่า เบย์


พี่เมอร์ไลออนอีกตัว ตัวขนาดเล็กกว่า
ใกล้ๆกับมาริน่า เบย์เราจะเห็นเจ้าตึกทรงหนามทุเรียน ตึกเอสพานาด( The Esplanade Theatres on the bay) ซึ่งเป็นโรงละครขนาดยักษ์ มีการจัดแสดงคอนเสริต์ งานโชว์นิทรรศการต่างๆของชาวสิงคโปร์ 



ตึกเอสพานาด รูปร่างอาคารคล้ายหนามทุเรียน
ที่เห็นชิงช้าสวรรค์ด้านขวาของรูปนะ  Singapore Flyer เป็นชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์ เปิดบริการตั้งแต่ปี 2008 ชิงช้าจะใช้เวลาหมุนครบรอบประมาณ 30 นาที เปิดบริการตั้งแต่ 8.30-22.30 น.
 เรียกว่าแค่วันแรกเราก็แวะเที่ยวซะหลายที่เอาซะวันนี้ชะนีแคระเดินขาลาก หอบแฮกๆ  ก่อนจบในวันนี้เอาภาพ Night live ของสิงคโปร์มาฝากกันนะคะ


สีสันสิงคโปร์ยามค่ำคืน

มาเที่ยวคลับบนตึกสูงระฟ้าที่สิงคโปร์

เช้าวันที่  2

เราตื่นกันค่อนข้างสาย เพราะเนื่องจากทริปนี้เป็นทริปสบายๆเน้นแวะเยี่ยมเพื่อนเป็นหลักเราจึง
ไม่เน้นทำเวลาในการท่องเที่ยว วันนี้เพื่อนพาไปทานอาหารเช้ายอดนิยมของคนสิงคโปร์กัน จะว่าไปก็ไม่เช้าแล้วนะเกือบจะ 11 โมงเช้าแล้ว เราขอเริ่มต้นที่เมนูนี้  Ya kun Kaya Toast มันก็คือเมนูขนมปังปิ้ง ไข่ลวก เสริฟพร้อมกับกาแฟโบราณนั่นเอง  หาทานง่าย มีขายทั่วไป ห้ามพลาดขอบอก ชะนีแคระแอบตระกละ จัดมาเลย 2 ชุดกะกินอิ่มยันเที่ยงเลยคะ


Ya kun Kaya Toast



หลังจากท้องอิ่มเราก็ออกเดินทางกันเลย วันนี้เราจะแวะไปถนนแห่งการช็อปปิ้งของสิงคโปร์กัน นั้นก็คือ  4. Orchard Road ที่ถนนออชาร์ดแห่งนี้นับว่าเป็นย่านแหล่งแฟชั่นทันสมัยของชาวสิงคโปร์ มีห้างสรรพสินค้าหรูมากมายตลอดทั้งสองฝากถนน ตลอดทั้งมีหลากหลายแบรนด์เนมชั้นนำระดับโลกมาเปิดช็อปเอาใจลูกค้ากัน ที่นี่คงจะถูกใจกับสาวนักช็อปเลยทีเดียว เพราะซื้อสินค้าที่สิงคโปร์มี duty free 7 เปอร์เซ็นต์ สำหรับนักท่องเที่ยวด้วยนะคะ บางแบรนด์ก็ถูกกว่าบ้านเราหลายบาททีเดียว สำหรับชะนีแคระวันนี้ขอแวะมาดูคร่าวๆเช็คราคาก่อนว่าจะซื้ออะไร เพราะเดี๋ยวเราจะไปช็อปอีกทีวันสุดท้ายกัน เค้าบอกเทคนิคการซื้อของ ให้ลองดูหลายห้างก่อน เพราะราคาถูกแพงไม่เท่ากันอย่าใจร้อน แต่หากคุณไม่มีเวลาถ้าเจอที่ถูกใจแล้วก็ซื้อเลยไม่ว่ากันนะคะ



ถนนออชาร์ด คล้ายถนนย่านสุขุมวิทของไทยเลย


แหล่งย่านช็อปปิ้ง ถนนแห่งธุรกิจของสิงคโปร์


มีแบรนด์เนมดังๆมากมาย


มีห้างพารากอนเมืองบ้านเราเลย

ห้าง Iron


จะว่าไปแบรนด์ Charles & Keith เป็นแบรนด์ดังของสิงคโปร์ เพื่อนชาวสิงคโปร์นางเล่าให้ชะนีแคระฟังว่าผู้บริหารของแบรนด์นี้เป็นผู้บริหารเดียวกันกับหลุยส์วิคตองของสิงคโปร์นะคะ ดังนั้นคุณภาพของสินค้าแบรนด์นี้ดีมากน้องๆหลุยส์ว่างั้นแต่ราคาถูกกว่าหลายเท่า  จึงชอบมีเพื่อนชาวฝรั่งเศสหลายคนเวลามาเที่ยวสิงคโปร์ก็จะมาหิ้วรองเท้าและกระเป๋าของแบรนด์นี้กันเยอะนะคะ และราคาที่นี่ก็ถูกว่าเมืองไทยเกือบครึ่งนะคะ  มีข้อควรระวังนิดนึงนะคะลูกค้าภายในร้านส่วนใหญ่เป็นคนไทยเกือบทั้งร้าน เวลาเข้าไปซื้อของอย่าเผลอแอบนินทาใครนะคะ เดี่ยวงานจะงอกจะหาว่าชะนีแคระไม่เตือน



ป็อปคอนแบรนด์ดัง มาถึงต้องลองกินเดี่ยวตกแทรนด์

หลังจากเดินเล่นอยู่ถนนออร์ชาดได้สักพัก เราก็จะเปลี่ยนแผนไปเที่ยวต่อในช่วงบ่ายที่เกาะ 5.Sentosa Island เกาะเซนโตซ่า เป็นเกาะพักตากอากาศ ที่พักผ่อนหย่อนใจในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ของชาวสิงคโปร์ ที่นี่มีชายหาด ร้านอาหาร สวนสนุกระดับโลกตลอดจนเครื่องเล่นผาดโผนต่างๆมาเอาใจนักท่องเที่ยวด้วยคะ



สำหรับการเดินทางมาเที่ยวที่เกาะเซนโตซ่าไม่ยุ่งยากมาได้หลายวิธี แต่วิธีที่ชะนีแคระเลือกจะมาทางรถไฟ MRT  เดินทางด้วยสายรถไฟสีม่วงแล้วไปลงที่สถานี Harbourfront พอออกมันจะเป็นห้าง Vivo city แล้วขึ้นไปชั้น 3 ของห้างเพื่อไปขึ้นรถไฟ Sentosa express กัน


รถไฟ Sentosa express

ภายในเกาะก็จะมีอยู่ 4 สถานีด้วยกันดังนี้

1. Sentosa Station   ก็จะเป็นสถานีแรกที่ซื้อตั๋ว
2.Waterfront Station ก็จะเป็นสถานีของสวนสนุกชื่อดัง Universal Studio
3.Imbiah Station ก็จะเป็นสวน Merlon park 
4. Beach Station ก็จะเป็นสถานีปลายทางที่ติดกับชายหาด

ว่าแล้วชะนีแคระเลือกไปลงสถานีสุดท้ายที่ชายหาดกันนะ เราจะไปเก็บภาพบรรยากาศชายหาดของสิงคโปร์กันว่าเป็นยังไง เพื่อนสิงคโปร์บอกว่าชายหาดที่นี่เป็นของปลอม เป็นหาดทรายเทียมที่คนสร้างขึ้นไม่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ส่วยหาดทรายขาวที่เห็นกันนี้สิงคโปร์ซื้อมาจากประเทศเพื่อนบ้านเช่นอินโดฯ มาเลย์ฯ ประมาณนี้คะ  ชะนีแคระจะเดินเล่นเก็บบรรยากาศของชายหาดมาให้ชมกัน แต่น่าเสียดายไปนิดในระหว่างนั่งรถมาฝนตก ฟ้าจะครึ้มนิดๆ แต่ก็ยังพอมีชาวสิงคโปร์ออกมาเล่นน้ำกันอยุ่บ้าง ใกล้ๆกับชายหาดก็มีเครื่องเล่นผาดโผนมากมายคอยเอาใจหนุ่มสาวชาวสิงคโปร์ รวมถึงนักท่องเที่ยวที่ชอบความท้าท้ายด้วย



ชายหาด Siloso





เครื่องเล่น I FLY เป็นเครื่องเล่นที่ทำให้เราลอยตัวอยุ่ในอากาศได้เหมือนกำลังโดดร่มอะไรประมาณนี้
จากชายหาดเราก็เดินขึ้นไปที่ Merlion park กัน ซึ่งแต่ละสถานีไม่ไกลกันมากสามารถเดินได้


Merlion ตัวที่ใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์ข้้างในสามารถเข้าไปชมได้แต่ต้องเสียค่าเข้า


เป็นด้านหลังพี่เมอร์ไลออน ประติมากรรมนี้จะเอาหินโมเสกมาประดับตกแต่ง

จากนั้นก็เดินกันต่อไปเรื่่อยๆก็มาถึงที่ๆนักท่องเที่ยวทุกคนที่มาเที่ยวที่เกาะซานโตซ่าต้องแวะถ่ายรูปกัน หรือแวะเข้ามาเล่นเครื่องเล่นผาดโผนต่างๆนั้นก็คือ Universal Studio สวนสนุกระดับโลกสัญชาติอเมริกา

สวนสนุก Universal Studio

ทางเข้าด้านหน้าของสวนสนุก

หลังจากใช้เวลาอยุ่ที่เกาะซานโตซ่าหลายชั่วโมง พระอาทิตย์ก็ตกแล้วคะเราเลยต้องเดินทางกลับเข้าตัวเมืองสิงคโปร์กัน  และก่อนจะจบวันที่ 2 กันไปนี้ได้เวลาหาข้าวเย็นทานกันแล้ว  แต่ก่อนอื่นต้องเล่าถึงวัฒนธรรมการกินอาหารของชาวสิงคโปร์กันก่อน ส่วนใหญ่คนที่นี่จะชอบทานอาหาร Food républic มันก็คือฟู้ดเซนเตอร์บ้านเรานี่หละ ที่จะมีร้านอาหารหลายร้านมาเปิดรวมกัน แววเราก็จะไปต่อแถวซื้อมานั่งทานกันเหมือนเมืองไทยเลย ซึ่งเราจะสามารถหา Food républic ได้ทุกตรอกถนนของเมืองเลย นับว่าสะดวก และก็ราคาไม่แพง ส่วนใหญ่ชะนีแคระมักจะฝากท้องบ่อยๆกับเจ้าฟู้ดรีพลับบิคแทบทุกวันตลอดทั้งทริป   วันนี้จะเก็บภาพอาหารมาฝาก ที่สำคัญเย็นนี้เราจะพามาลองชิมข้าวมันไก่สิงคโปร์ในตำนานกันคะ ว่ามันจะอร่อยกว่าข้าวมันไก่บ้านเราไหม



Food réplublic

ร้านอาหารต่างๆ เห็นบะจ่างสิงคโปร์ด้วยนะ


และก็มาแล้วมาถึงข้าวมันไก่สิงคโปร์ในตำนาน เพื่อนชาวสิงคโปร์ไปต่อแถวสั่งมาให้ หลังจากชะนีแคระลองชิมแววรุ้สึกว่าตัวเนื้อไก่จะมัน และเลี่ยนๆกว่าที่ไทย ส่วนน้ำจิ้มจะออกเผ็ดๆ แปลกดี แต่รวมๆแววข้าวมันไก่ไทยอร่อยกว่าเยอะคะ


ข้าวมันไก่สิงคโปร์ในตำนาน

น้ำแข็งใสอร่อยดีคะ ดูน่ากินยิ่งอากาศร้อนๆอบอ้าวแววมันสดชื่นมาก

เช้าวันที่ 3

วันนี้ตื่นเช้ามาหลังจากหาอะไรง่ายๆกินพอรองท้อง เพื่อนก็พาไปลองกินขนมหวานร้านดังกันต่อ  สรุปอิ่มอร่อยสุดๆ

อยากกินขนมแทบทุกอย่างในร้านเลย

เค็กสิงคโปร์มีรูตรงกลางเหมือนเค็กเมืองตรังเลย
หลังจากอิ่มขนมแล้ววันนี้เราจะออกไปเดินเล่นในช่วงสายๆที่ 6. Kampong Glam ย่านกัมปลงกลาม ย่านถนนอาหรับในย่านนี้จะมีสินค้าอาหรับมากมาย รวมถึงมีหลากหลายร้านเสื้อผ้า สินค้า กิ๋บเก๋ Chic ๆที่นี่หลายร้านเลย รวมถึงมีร้านอาหารมากมาย ที่สำคัญเราสามารถเห็น  Sultan Mosque สุเหร่าสุลต่าน เป็นจุดเด่นแต่ไกล

สุเหร่าสุลต่าน

สองฝั่งถนนอาหรับมีร้านขายของมากมาย



มีร้านตกแต่งน่ารัก มีสินค้ากิ๋บเก๋มากมาย

ขณะเดินผ่านในย่านกังปลงกลาม ถนนอาหรับเพื่อจะเดินไปเที่ยวที่ถนน Little India ก็เจอเจ้าตึกๆนี้ เจ้าตึกแบทแมน  หรือ Park veiw square เค้าว่าตึกนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนต์เรื่องแบทแมน ฺBatman  ปัจจุบันตึกนี้เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว และชั้นล่างจัดเป็นห้องอาหารที่ไฮโซมาก







7. ย่าน Little India ย่านนี้เป็นย่านเก่าแก่ของคนอินเดียในสิงคโปร์  ชาวอินเดียวอาศัยอยุ่เยอะมากในย่านนี้ ถนนจะคึกคักจอแจไปด้วยคนอินเดียรวมถึงเหล่าบรรดานักท่องเที่ยวที่แวะเวียนมาไม่ขาดสาย  เราสามารถหาเครื่องเทศ  เครื่องหอม ผ้าไหมสาหรี่ ข้าวของต่างๆที่มาจากอินเดียในย่านนี้ หากท่านผู้อ่านมีโอกาสแวะมาสิงคโปร์ห้ามพลาดเด็ดขาด


ย่าน ลิตเติ้ลอินเดีย

อาคารบ้านเรือนสีสันฉูดฉาด


ไหนๆแวะมาย่านคนแขกอินเดีย วันนี้ขอพาท่านผู้อ่านไปลองชิมอาหารอินเดียกัน วันนี้เราลองแวะมาทานอาหารเย็นที่ร้านดังกัน ชื่อว่า ร้าน Banana leaf apolo  จุดเด่นของร้านนี้ก็คือเค้าจะเสริฟด้วยใบตองรองจานข้าวมา  ซึ่งทำให้อาหารที่ทานนั้นดูน่ากินและหอมกลิ่นใบตอง และพนักงานก็จะมาตักข้าว และเครื่องเคียงเครื่องเทศต่างๆให้เรา ดูแววน่ากินมาก และรสชาติขอบอกมันอร่อยเลิศทีเดียว ร้านนี้คนเยอะมากๆ ยังไงอย่าลืมมาแวะลองชิมนะคะ ชะนีแคระคอนเฟริมคะ

ร้าน Banana leaf apolo

พนักงานมาตักเครื่องเทศเสริฟใส่จาน

น่ากินไหม

ทานพร้อมคู่กับแกงเครื่องเทศต่างๆ และแผ่นแป้งโรตี ที่เรียกว่า nan หรือจะทานพร้อมข้าวสวยร้อนๆก็ได้
ลูกค้าแน่นร้านเลยคะ

หลังจากท้องอิ่มแล้วก่อนลาจากกันในค่ำคืนนี้เราขอแวะไปเยือนห้างมูสตาฟา  (Muatafa Center) กันหน่อย ที่ห้างนี่มีขายของมากมาย ตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ มีทุกสิ่งให้เลือกสรร ตั้งแต่สินค้าแบรนด์เนม เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า อุปกรณ์กีฬา  เครื่องเขียน เฟอร์นิเจอร์ รองเท้า ของตกแต่งบ้าน ที่สำคัญห้างนี้เปิดตลอด 24 ชั่วโมง อย่างกะเซเว่นเลยคะ



Mustafa center

เช้าวันที่ 4

เช้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของทริปนี้แล้ว เรามีเวลาตลอดทั้งวันเนื่องจากไฟล์กลับกรุงเทพฯประมาณ 2 ทุ่มดังนั้นเรามีเวลาทั้งวันคะ ตื่นเช้ามาเราเดินทางไปเที่ยวสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์กันนะคะ
8. Singapore  Botanic Gardens สวนสาธารณะแห่งนี้ถือว่าเป็นปอดของคนสิงคโปร์เลยก็ว่าได้ ที่นี่จะเป็นจุดพักผ่อนของครอบครัว ที่นัดพบของหนุ่มสาว รวมถึงเป็นที่แหล่งออกกำลังกายของชาวสิงคโปร์กัน ที่นี่มีจัดแสดงหมวดหมู่พันธ์ุไม้หายากต่างๆ  รวมถึงมีแสดงพันธ์ดอกกล้วยไม้นานาชาติ นับว่าร่มรื่นทีเดียว หากท่านผู้อ่านมีเวลาลองแวะมาเที่ยวกันนะคะ



Singapore Botanic Gardens

มีจัดแสดงพันธ์ุไม้ต่าง

เป็นแหล่งพักผ่อนของชาวสิงคโปร์





หลังจากแวะเที่ยวสวนสาธารณะแล้วชะนีแคระขอแวะไปช็อปปิ้งเก็บตกนิดหน่อยที่ถนนออร์ชาดจากนั้นเราก็มีเวลาเหลืออีกครึ่งวันขอแวะไปเที่ยวที่ตึก 9. Marina bay sands กัน 



ตึก Marina bay sands เป็นตึกรูปทรงประหลาดเป็นตึก 3 ตึกที่ถูกเชื่อมด้วยเรืออยุ่บนตึก  ตึกนี้เป็นตึกที่ตั้งของโรงแรมชื่อดัง Sky park เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวของสิงคโปร์ในตึกจะมีคาสินโน เปิดตลอดทั้ง 24 ชั่วโมง และก็จะมีร้านค้าแบรนด์เนมต่างๆมาเปิดคอยบริการลุกค้าและนักท่องเที่ยวมากมาย โดยเฉพาะชั้นบนตรงรูปเรือจะเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่  และเราสามารถขึ้นมาชมวิวด้านบนได้ด้วย เดียววันนี้ชะนีแคระจะพาท่านผู้อ่านไปดูวิวทั่วสิงคโปร์กันจากจุดชมวิวที่ตึกมาริน่าเบย์ แซนด์กัน






ภายในตึก Marina Bay sands


ภายในตึกมีร้านค้าแบรนด์เนมมากมายคอยให้บริการ  อีกทั้งมีสระน้ำและมีการล่องเรือ กอดอลล่าไว้คอยบริการลูกค้าด้วย  สำหรับการที่จะขึ้นไปจุดชมวิวชั้นบนตึกมาร์ริน่าเบย์แซนด์ นั้น คือ 1 คุณต้องเป็นลูกค้าที่ใช้มาเปิดห้องที่โรงแรม 2. ซื้อตั๋วขึ้นไปชม 3. ก็คือขึ้นไปนั่งทานอาหาร หรือดื่มค็อกเทลสวยๆที่ค่าเฟ่ข้างบนตึกกัน สำหรับชะนีแคระขอบรรยากาศนั่งดื่มแล้วก็ชมวิวสวยๆรอบสิงคโปร์กัน สำหรับราคาเครื่องดื่มก็ค่อนข้างแพงดังนั้น หากท่านผู้อ่านอย่างขึ้นมาชมวิวสวยๆก็เลือกเอาตามอัธยาศัยและงบของแต่ละท่านกันนะคะ จากนั้นพร้อมแล้วเราก็เดินไปที่ตึกมาร์ริเบย์ แซนด์ 2 เพื่อจะขึ้นลิฟไปจุดชมวิวด้านบนกันนะคะ



ค็อกเทลสวยๆ 


บรรยากาศค่าเฟ่บนตัวตึก



เราสามารถชมวิวได้ว 360 องศารอบสิงคโปร์กันเลย วันนี้อากาศสดใสทีเดียว ชะนีแคระเก็บภาพมาฝากท่านผู้อ่านกันนะคะ



 ภาพเมืองสิงคโปร์จากจุดชมวิวตึกมาร์ริน่าเบย์ แซนด์


ภาพนี้เห็นอ่าวสิงคโปร์เลยนะคะ



ภาพเงาตึกมาร์ริน่าเบย์ แซนด์




จากวิวมุมสูงเราสามารถเห็น Gardens by the bay อยุ่ข้างล่าง


การมาเที่ยวทริปที่สิงคโปร์ในครั้งนี้ชะนีแคระมีความประทับใจในหลายๆอย่าง ดูง่ายๆชาวสิงคโปร์เป็นชาติที่มีหลากหลายเชื้อชาติ วัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะจีน มลายู แขก อินเดีย ฝรั่งแต่เค้าก็อยุ่รวมกันได้โดยไม่มีปัญหา อาจจะเป็นเพราะความศักดิ์สิทธ์และเท่าเทียมกันในเรื่องของกฏหมาย เพราะที่นี่กฏหมายค่อนข้างเข้มงวดและมีบทลงโทษที่รุนแรง  แถมที่สิงคโปร์เป็นเมืองที่มีระเบียบ สะอาด ไม่มีขยะเลยจริงๆ คนที่นี่การศึกษาค่อนข้างทั่้วถึง คนส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้ค่อนข้างดีทีเดียว ดังนั้นชะนีแคระอยากให้เมืองไทยเอาข้อดีๆเหล่านี้มาพัฒนาประเทศให้ยั่งยืน ประเทศเราจะได้ก้าวไกลเป็น 1 ในผู้นำอาเซียนในเร็ววันนี้   ที่สำคัญสิงคโปร์ไม่ไกลจากเมืองไทยมากนักแค่ 2 ชั่วโมงกว่าๆเราก็สามารถบินมาช็อปปิ้งสบายๆแล้ว อีกอย่างสิงคโปร์พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆตลอดเวลาหากใครที่เคยมาแล้ว ลองกลับมาเยี่ยมสิงคโปร์อีกครั้ง คุณอาจจะค้นพบสิ่งที่น่าสนใจในมุมมองใหม่ๆก็ได้ การเที่ยวครั้งนี้ชะนีแคระหวังว่าคงเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆคนนะคะ  สำหรับสุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณมาดาม Ader และ มิสเตอร์ Florent ที่ให้ความอนุเคราะห์ที่พัก และเป็นไกค์คอยแนะนำที่เที่ยวตลอดทั้งทริป และที่สำคัญที่สุดไม่ลืมขอบคุณมิตรรักแฟนเพลงที่คอยติดตามให้กำลังใจกันนะ วันนี้ลาไปก่อนพบกันตอนหน้า ชะนีแคระจะพาทุกท่านไปเที่ยว Mont Saint Michael เกาะศักดิ์สิทธ์ และเป็น 1 ใน 5 สถานที่ที่คุณมาเที่ยวฝรั่งเศสห้ามพลาดเด็ดขาด