วันอังคารที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2555

Annecy เวนิสแห่งเทือกเขาแอลป์ ตอนที่ 1

Annecy เวนิสแห่งเทือกเขาแอลป์ ตอนที่ 1 ชมตัวเมือง และทะเลสาป Anney

"กลับมายืนที่เดิม ที่ที่เราคุ้นเคย" 555  อิฉันกลับมาแววคะกลับมาตามคำเรียกร้องของมิตรรักแฟนเพลงหลายท่านที่ออกแนวก่นด่ากันว่าดิฉันหายไปไหน ดิฉันกลับมาแล้วคะ กลับมาพร้อมกับการเดินทางครั้งใหม่ล่าสุดในตอนที่ชื่อว่า Annecy เวนิสแห่งเทือกเขาแอลป์ ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ไม่ธรรมดาเพราะต้องแลกด้วยความเหนื่อยและความท้าทายสุดยอดของดิฉัน เอะมันจะท้าทาย มันจะเหนื่อยขนาดไหน ท่านผู้อ่านทุกท่านเตรียมตัวกันหรือยังถ้าพร้อมแวว เราออกเดินทางพร้อมกันไปกับชะนีแคระหัวใจอินเตอร์เยยคะ

*********************************************************************************

 Annecy  อันซี เป็นเมืองเอกของเขตซาวัวตอนบน (Haute Savoie) ได้รับเกียรติให้มีฉายาว่า ห้องรับแขกของโรน-แอลป์ ในแถบเทือกเขาสูงของ French Alps เพราะมีเขตแดนติดกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์และอิตาลี นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่ต้องการเดินทางผ่านเส้นทางนี้จะต้องผ่านเมืองอันซีด้วยกันทั้งสิ้น บ้างก็ว่าเป็นน้องๆเวนิส ด้วยสาเหตุที่ว่าสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างตัวอาคารบ้านเรือนที่สวยงาม และมีการขุดคูคลองหลายสายผ่านกลางเมืองเหมือนเวนิส ซึ่งนี่หละที่เป็นที่มาของชื่อ Annecy เวนิสแห่งเทือกเขาแอลป์  ส่วนฤดูท่องเที่ยวนั้นเริ่มต้นตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน เรื่อยไปจนถึงฤดูใบไม้ร่วง  หรือแม้กระทั้งฤดูหนาว เหมือนตอนที่ดิฉันกำลังเดินทางมาเที่ยวนี่ก็สวยงามมีมนต์เสน่ห์ไปอีกแบบ  อันซีเมืองเล็กๆ ในหุบเขาแห่งนี้จะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มีทั้งคนในยุโรปด้วยกันหรือมาจากทวีปอื่น รวมถึงชาวฝรั่งเศสเองก็นิยมมาท่องเที่ยวที่นี่ โดยเฉพาะคู่แต่งงานหนุ่มสาวชอบมาฮันนีมูนที่เมืองนี้กันคะ อิอิ

การเดินทางครั้งนี้ก็แสนจะง่ายและสะดวกสบายเราเริ่มออกเดินทางแต่เช้าตรุ่ด้วยตีตั๋วรถไฟทีจีวีจากปารีส - อันซี ราคาไปกลับต่อคน ร้อยกว่ายุโร  และแค่ 2 ชม. กว่าๆก็ถึงจุดหมายปลายทางก็คือสถานีรถไฟเมืองอันซีนี่เอง ในการเดินทางครั้งนี้เราได้รับการอนุเคราะห์จากเพื่อนสาวแสนสวย เวจินีและพร้อมกับแฟนหนุ่ม มาโค ได้ให้ที่พักฟรีพร้อมอาหารกับเราตลอดทั้งทริป แถมยังไม่พอพี่แกยังอุทิศตนเป็นไกค์พาเราเที่ยวชมเมืองกันด้วยคะ และแน่คะเวจินีมารับดิฉันที่ชานชาลารถไฟ แต่เธอต้องตกใจทีเดียวกับกระเป๋าเดินทางของดิฉันที่มันแสนจะใหญ่โตกว่าตัวดิฉันมากเนื่องจากช่วงที่ดิฉันมาเป็นช่วงถูดหนาว อากาศหนาวมากกลางวัน -8  องศากลางคืน มีถึง -20 องศากันทีเดียว ทำให้ดิฉันกลัวหนาวตายมากกว่ากลัวการลากกระเป๋า หลังจากเก็บข้าวของเข้าที่พักเสร็จเรียบร้อยเราก็สะพายกล้องคุ่ใจออกเดินทางเที่ยวตัวเมืองกันเยยคะ

วิวตัวเมืองอาคารบ้านเรือน

ลำคลองสายหลักผ่านกลางเมืองและจะไหลลงสุ่ทะเลสาปอันซี

ร้านอาหารต่างๆมากมายริมสองฝั่งคลอง


 
และไฮไลน์ของเมืองอันซีก็คือ Palais de L’Isle  เดิมทีอาคารนี้เป็นของตระกูลเดล ลิส์ล สร้างในศตวรรษที่ 12  แต่อีก 200 ปีต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นศาล และคุก แล้วเปลี่ยนมาเป็นโรงกษาปณ์ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นที่ทำการของรัฐในศตวรรษที่ 15 แล้วกลับมาเป็นคุกใหม่อีกครั้งในช่วงการปฏิวัตฝรั่งเศส  จนถึงปี ค.ศ. 1986 ทางการฝรั่งเศสได้เข้าบูรณะครั้งใหญ่แล้วใช้เป็นที่แสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมืองอันซี และซาวัว ด้วยความโดดเด่นในประวัติศาสตร์ และรูปทรงทางสถาปัตยกรรม Palais de L’Isle ทำให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของชาวเมืองไป


Palais de L’Isle

รูปทรงเหมือนป้อมโบราณแล้ว ยังตั้งอยู่กลางลำคลองที่มีน้ำไหลผ่านทั้งสองด้าน



เดินมาได้หน่อยเราก็จะได้เจอกับทะเลสาปอันขึ้นชื่อของเมืองอันซี Larc d'Annecy ทะเลสาบของเมืองอันซีนี้ชาวเมืองเขาภูมิใจของเขานักหนา ถึงขนาดคุยว่าน้ำในทะเลสาปสะอาดจนกวักขึ้นมาดื่มได้เลย เท็จจริงประการใดไม่รู้ได้ รุ้แค่ว่่าถ้าตอนนี้กวักน้ำในทะเลสาปมากินฉันคงแข็งตายเป็นแน่ๆ 555  แต่คำคุยโวนี้ถูกฝังอยู่ในหัวของชาวบ้านชาวช่องทุกคน เพราะถามใครเขาก็บอกอย่างนี้ ก็น่าจะเชื่อเขาล่ะคะ  ทะเลสาปอันซีนี่ถือเป็นทะเลสาปที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของฝรั่งเศส นอกจากขนาดความใหญ่แวว ความสวยงามก็ไม่เป็นที่รองใคร อยากบอกว่าสวยจริงๆคะ แม้ภาพทีดิฉันเก็บมาฝาก อาจจะไม่เท่ากับความงามที่อยุในความทรงจำของดิฉัน และขอบอกโรแมนติกสมคำล่ำลือจริงๆคะ


ภาพวิวริมทะเลสาปอันซี


แอบทำสวีทนิดนึง






บริเวณรอบทะเลสาปก็จะมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ซึ่งตามปกติแววถ้าเป็นหน้าร้อน หรือฤดูใบไม้ผลิจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่ออกมาพักผ่อนหย่อนใจ บ้างก็มาปิกนิคกัน ออกกำลังกาย แต่สำหรับตอนนี้นั้นเห็นจะไม่ไหวนะคะอากาศแสนจะหนาวจับใจ แถมลมก็แรงๆ และหิมะก็โปรยปรายอยุ่ไม่ขาดสาย มีหวังดิฉันได้แข็งตายเป็นแน่แท้คะท่านผู้อ่านแต่ด้วยความอดทนกัดฟันสุ้ดิฉันจะทนถ่ายรูปสวยชะนีน้อยสู้ขาดใจเก็บภาพบรรยากาศสวยๆรอบริมทะเลสาป และที่รอบสวนสาธารณะมาฝากท่านผู้อ่านกันคะ และขณะกำลังเดินเพลินก็เห็นสะพานแห่งความรัก Pont des amour ที่เค้าว่ากันว่าคู่รักจะต้องมาถ่ายรูปกันที่สะพานแห่งนี้ และก็มีคุ่รักมากมายยืนต่อคิวเพื่อที่จะถ่ายรูปคุ่กันที่นี่ ดิฉันก็จัดไปยืนต่อคิวรอในขณะที่อากาศตอนนั้นเริ่มลดลงกว่า - 10 องศาอดทนชักภาพมาอวดท่านผู้อ่านกันนะคะ แต่อยากบอกว่าคุ้มคะภาพที่ออกมาดูโรแมนติกมากสุดๆคะ























หลังจากเดินเล่นอยุนานกว่าสาม สี่ชม. ท่ามกลางหิมะโปรยปราย ตอนนี้มือของดิฉันชาไปหมดแววคะท่านผู้ชม ชาขนาดกดชัตเตอร์ไม่ลงทีเดียว ประกอบกับเวจินีต้องรีบกลับไปเตรียมทำอาหารเย็นสำหรับต้อนรับอาคันตุกะตัวจิ๋ว และให้อาหารน้องเหมียวสไกเลต เราเยยต้องรีบกลับบ้านคะ จะว่าไปตอนนี้ดิฉันก็เริ่มจะหิวแววละคะ ไว้พรุ่งนี้เรามาติดตามตอนต่อไปกันนะคะ วันนี้ขอลาไปก่อนค้า